พระมหาไพรวัลย์ เอาด้วย ร่วมวงใส่ร้าย “รัชกาลที่ 7” ปมขายพระแก้วมรกต!?!

8281

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเคลื่อนไหวการเมือง เอาด้วย ร่วมวงใส่ร้าย รัชกาลที่ 7 ปมขายพระแก้วมรกตให้อังกฤษ

จากกรณีที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำม็อบคณะราษฎร ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่กล่าวอ้างว่า รัชกาลที่ 7 จะนำพระแก้วมรกต ซึ่งเป็นสมบัตชาติไปขาย โดยระบุข้อความว่า “ในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อพระองค์สละราชสมบัติไปก็พยายามจะเอาพระแก้วมรกต (ซึ่งเป็นสมบัติชาติ) ไปขาย และถ้าเราไม่แก้ พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เหตุการณ์นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นถ้ารัชกาลที่ 10 สละราชสมบัติ” จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดทางด้าน พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเคลื่อนไหวการเมือง ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีที่อ้างว่า รัชกาลที่ 7 จะขายพระแก้วมรกต โดยระบุข้อความว่า

มีคนแปลให้แล้วนะ เป็นข้อมูลเนื้อหาที่ครบถ้วน โยมอ่านและใช้วิจารณญาณในการพิจารณาเอาเองแล้วกัน
กรุงเทพ, สยาม, วันอังคารที่ 22 ม.ค. (AP) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ขู่จะขายทรัพย์สมบัติสยามจำนวนมหาศาลของท่านในการเคลื่อนไหวนาทีสุดท้ายเพื่อจะนำรัฐบาลกลับสู่แนวทางที่ต้องการ ตามการรายงานวันนี้โดยสำนักข่าวที่เชื่อถือได้
ตามรายงานระบุ ท่านได้พูดว่าจะออกจากประเทศตลอดไปถ้ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำขาดเมื่อเดือนตุลาคมที่เรียกร้องให้คืนพระราชอำนาจในการควบคุมบทลงโทษประหารชีวิตให้กับสถาบันกษัตริย์
มีรายงานว่ากลุ่มผลประโยชน์ของอังกฤษจะเต็มใจที่จะซื้อทรัพย์สินของพระองค์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงวัง เทวสถานที่มีความงดงามตามแบบตะวันออก และที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แต่ยังมีพระแก้วมรกตด้วย อัญมณีอันเลื่องชื่อชิ้นนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจและภาพแห่งความรุ่งเรืองของประเทศสยาม มันเป็นหินที่งดงามชิ้นใหญ่โตที่ถูกฝังไว้ที่ส่วนหน้าผากของพระพุทธรูปและเป็นทรัพย์สินของกษัตริย์
ทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์นั้นให้ดอกผลเป็นรายได้ห้าแสนดอลล่าร์ต่อปี ขณะนี้พระองค์อยู่ในอังกฤษ ที่ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดพระจักษุเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ผู้แทนทางการทูตของสยามได้เดินทางไปกรุงลอนดอนเพื่อเตรียมการกราบบังคมทูลเชิญให้ทรงเดินทางกลับ แต่พวกเขายังกระจัดกระจายอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนในยุโรป ขณะที่รัฐบาลกำลังร่างคำตอบสำหรับข้อเรียกร้องที่เป็นคำขาดของพระองค์
ปัญหานี้เริ่มต้นจากการใช้กำลังระหว่างที่พระมหากษัตริย์ประทับอยู่นอกประเทศบังคับให้พระญาติบางส่วนออกจากตำแหน่งราชการและแก้ไขรัฐธรรมนูญ พระญาติเหล่านั้นได้ร่วมกับกองกำลังอีกส่วนหนึ่งพยายามที่จะต่อต้านโดยไม่ประสบผลสำเร็จ เกิดข่าวลือกันมากมายเกี่ยวกับการคาดเดาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อไปหากพระมหากษัตริย์ทรงสละราชสมบัติตามคำขู่จริง มีตัวเลือกอยู่สองสามทาง ทายาทโดยชอบธรรม คือหนึ่งในพระราชนัดดา (ไม่มีมกุฎราชกุมาร) จะไม่ยอมรับตำแหน่ง ส่วนพระราชนัดดาอีกพระองค์ คือพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์นั้น เป็นที่ยอมรับ แต่มีพระมารดาเป็นชาวรัสเซีย จึงทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้