จีนตอบโต้ รัฐบาลอังกฤษที่ประกาศห้าม หัวเว่ยเข้าเกี่ยวข้องเครือข่าย 5Gในประเทศโดย มีสหรัฐกดดันอยู่เบื้องหลังว่า “เป็นการปิดโอกาสและการพัฒนาเติบโตด้านดิจิทัลของตนเอง” เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้การพัฒนาบทบาทการนำ ด้านเทคโนโลยี 5G ของจีนในยุโรปต้องหยุดชะงัก และมีโอกาสสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่จีนยืนยันพร้อมตอบโต้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
นายหลิวเสี่ยวหมิง เอกอัคราชทูตจีนประจำสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “การเลือกหัวเว่ยคือการเลือกโอกาสและการเติบโต ดังนั้น การปฏิเสธหัวเว่ยคือการปฏิเสธโอกาสและการเติบโต นั่นเอง”
ทูตจีนตอกย้ำทันที หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษได้สั่งห้ามหัวเว่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย 5G ของประเทศ โดยสั่งห้ามซื้ออุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2563 และจะถอนอุปกรณ์หัวเว่ยออกจากเครือข่าย 5G ของประเทศทั้งหมดภายในปี 2570
กรณีนี้บริษัทหัวเว่ยฯแสดงความคิดเห็นว่า การที่รัฐบาลอังกฤษสั่งห้ามหัวเว่ยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่าย 5G ของประเทศ ถือเป็น “การตัดสินใจอันน่าผิดหวัง” ซึ่งอาจทำให้อังกฤษขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเชื่องช้า เพิ่มค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค และทำให้ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ปี 2019 หัวเว่ยสร้างรายได้ในยุโรปในสัดส่วนถึง 24% ของรายได้ทั่วโลก และเมื่อต้นปี 2020 หัวเว่ยยังได้ประกาศว่ามีการทำสัญญาซื้อขายอุปกรณ์ 5G กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมทั่วโลกกว่า 91 ฉบับ ซึ่งเป็นการทำสัญญากับบริษัทโทรคมนาคมในยุโรปถึง 47 ฉบับ หรือมากกว่าครึ่ง จึงกล่าวได้ว่าหากหัวเว่ยถูกตัดขาดออกจากตลาดยุโรปย่อมสร้างผลกระทบต่อบริษัทอย่างมหาศาล และกระทบต่อเป้าหมายของหัวเว่ยที่ต้องการจะเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดสมาร์ทโฟนแทนที่ซัมซุงภายในปี 2020 รวมถึงการเป็นผู้นำโลกในด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคม 5G
คำสั่งแบนเทคโนโลยี 5G หัวเว่ยของรัฐบาลอังกฤษ เป็นไปตามแรงกดดันของสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าประกาศของรัฐบาลอังกฤษ โรเบิร์ต โอไบรอัน, ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา (เอ็นเอสเอ) ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศชั้นนำของยุโรป 4 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ที่กรุงปารีส เพื่อหารือประเด็นความมั่นคง ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็น 5G ของหัวเว่ยด้วย และในวันถัดมารัฐบาลอังกฤษก็ประกาศแบนหัวเว่ย
ในกรณีที่ประเทศอื่น ๆ ทำตามอังกฤษ จีนก็สามารถดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าต่ออีกหลายประเทศในยุโรป ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อยุโรปเช่นกัน
“พอล ทริโอโล” จาก “ยูเรเชียน กรุ๊ปส์” ชี้ว่า จีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนีมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านยูโร/ปี ดังนั้น จีนจึงอาจหยิบยกประเด็นการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ามาตอบโต้ หากรัฐบาลเยอรมนีออกคำสั่งแบนหัวเว่ยตามอังกฤษ
สถานการณ์ตอบโต้ทางการค้าระหว่างจีนและยุโรป นำโดยอังกฤษครั้งนี้เป็นไปตามวาระของสหรัฐอเมริก ที่ประกาศศึกสงครามการค้ารอบใหม่ด่วยวิธีใช้พันธมิตรรอบตัวกดดันจีน ก้าวต่อไปจีนคงไม่ปล่อยให้สหรัฐและประเทศพันธมิตรกระทำการอยู่เพียงฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน
……………………………………………..
https://www.theguardian.com/technology/2020/jul/15/huawei-china-state-media-calls-for-painful-retaliation-over-uk-ban