จับตาสหรัฐฯ-พันธมิตร!!ส่งเรือพิฆาตขีปนาวุธ สมทบNATO ประจำการทะเลดำเขตขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย

1405

สถานการณ์คุกรุ่นสำคัญที่ทั่วโลกกำลังจับตาอยู่ในขณะนี้ มีเรื่องราวความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จากการเข้ามาแทรกกลางของสหรัฐและพันธมิตรนาโต้ถือหางทางยูเครนอย่างออกนอกหน้า ล่าสุด กองทัพรัสเซียได้เริ่มจับตาดูเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถูกส่งไปยังทะเลดำสบทบกับอีกสองลำก่อนหน้านี้แล้ว ภารกิจนี้มีขึ้นท่ามกลางกิจกรรมของสหรัฐฯและนาโต้ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ 

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวทาซและรัสเซียทูเดย์ระบุว่า กองกำลังทางทะเล Black Sea Fleet ของรัสเซียได้เริ่มตรวจสอบเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส อาร์ลีห์ เบิร์ก (The USS Arleigh Burke) ซึ่งเข้าสู่ทะเลดำทันทีที่กองทัพเรือสหรัฐปรากฏตัว 

กองทัพเรือสหรัฐประกาศการวางกำลังเรือพิฆาตขีปนาวุธนำวิถีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา  ภารกิจนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกนับตั้งแต่ประกาศเปิดเป็นฐานทัพเรือในเมืองโรตา ประเทศสเปน

กองทัพเรือกล่าวในแถลงการณ์ว่า“ยูเอสเอส อาร์ลีห์ เบิร์ก (USS Arleigh Burke (DDG 51) เริ่มการเดินเรือทางเหนือมุ่งสู่ทะเลดำเพื่อปฏิบัติการกับพันธมิตรของ NATO ในภูมิภาคนี้ ขณะที่เรือรบดังกล่าวแล่นผ่านช่องแคบดาร์ดาแนลส์ของตุรกีไปยังทะเลมาร์มารา

การเข้ามาของเรือยูเอสเอส อาร์ลี เบิร์ก เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐอีกลำคือยูเอสเอส พอร์ตเตอร์ (USS Porter) และเรือบัญชาการสะเทินน้ำสะเทินบก ยูเอสเอส เมาท์ วิทนีย์ (USS Mount Whitney) ออกจากทะเลดำ เรือทั้งสองลำได้ทำการเทียบท่าเรือหลายครั้งทั่วทั้งภูมิภาคและดำเนินการควบคู่ไปกับพันธมิตรในท้องถิ่นของ NATO

กิจกรรมของ NATO ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่นี้  ทางมอสโกวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยถือว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์อย่างเปิดเผยต่อรัสเซีย 

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียประณามพฤติกรรมที่ “ก้าวร้าว”ของNATO ต่อรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสังเกตจากจำนวนเรือเดินสมุทรของกลุ่มที่แล่นในภูมิภาคนี้มีจำนวนมาก “ผิดปกติ”

ด้านประเทศยูเครนซึ่งเอนเอียงไปทางสหรัฐและตะวันตกและเหินห่างจากมอสโกมาตั้งแต่ปี 2014 เมื่อประธานาธิบดีที่สนับสนุนรัสเซียถูกโค่นล้ม หลังจากการประท้วงครั้งใหญ่  ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิก NATO แต่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอย่างเปิดเผย  โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านทหาร การป้องกันและการจัดหาเรือลาดตระเวนและอาวุธต่อต้านรถถัง

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย เรียกกิจกรรมของสหรัฐฯ และนาโต้ในทะเลดำว่าเป็น “ความท้าทายที่ร้ายแรง” สำหรับรัสเซีย ซึ่งได้ยืนยันสิทธิของกองทัพเรือในการเคลื่อนไหวในภูมิภาคนี้ นับตั้งแต่ผนวกแหลมไครเมียจากยูเครนในปี 2014

แถลงการณ์ของปูติน เน้นย้ำการมีอยู่ของกองทัพตะวันตกในภูมิภาคทะเลดำ และกล่าวหาวอชิงตันว่า ได้สร้างความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะที่สื่อตะวันตกได้รายงานอ้างว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เตือนพันธมิตรยุโรปเกี่ยวกับความเสี่ยงของ การโจมตีของรัสเซียต่อยูเครน

เนื้อหาการแถลงระบุว่า สหรัฐฯ และพันธมิตร NATO กำลังดำเนินการซ้อมรบโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้าในทะเลดำ และไม่เพียงแต่กลุ่มกองทัพเรือที่มีอำนาจค่อนข้างมากเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมเหล่านี้ แต่ยังรวมถึงการบินเชิงกลยุทธ์ร่วมกันด้วย นี่เป็นความท้าทายที่ร้ายแรงสำหรับรัสเซียอย่างไม่อาจปฏิเสธได้