ปากกล้า ขาสั่น? “วิโรจน์” พาพวก จี้ทุกพรรคต้องเคลื่อนไหวแก้ 112 พอเจอเสียงต่อต้านเยอะ รีบกลับคำพูด ย้อนแย้ง!

1832

หลังการที่มีปรับโครงสร้างภายในพรรคเพื่อไทยใหม่ เริ่มมีการนำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆ และนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะ กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศยืนยันเจตนารมณ์พร้อมนำข้อเสนอแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา

ต่อมาทางด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การยืนยันในเจตนารมณ์ของนายชัยเกษม นิติสิริ คือนิมิตหมายอันดีที่เราจะได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาการทำลายล้างผู้เห็นต่างทางการเมือง เริ่มต้นสะสางปัญหาเรื้อรังที่ถูกผู้มีอำนาจ ฉวยใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างผู้เห็นต่างมานาน ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเคยยื่นเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการแก้ไขบทบัญญัติว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยปรับลดโทษเหลือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท รวมถึงนำออกจากลักษณะความผิด เกี่ยวกับความมั่นคง และกำหนดให้เป็นความผิดอันยอมความได้ น่าเสียดายที่ไม่ถูกนำเข้าบรรจุในระเบียบ วาระการประชุมของรัฐสภา หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกัน แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในอนาคต

อีกทั้งทางด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา ในฐานะคนไทย คนหนึ่งรู้สึกดีใจ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่การต่อสู้ความ เสียสละของเยาวชนและพี่น้องประชาชน ได้รับการขานรับอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้แทนราษฎรยินดี ที่มีเพื่อนพรรคการเมืองใหญ่มาร่วมผลักดันวาระมาตรา 112 ในสภาร่วมกัน

แม้แต่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. ก้าวไกล ก็ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ไว้ด้วยว่า “อยากให้ทุก ๆ พรรคการเมือง แสดงท่าทีต่อการแก้ไข หรือยกเลิก ม.112 ครับ ยิ่งมากพรรคยิ่งดี ทุกพรรคเลยยิ่งดีใหญ่ จะได้มีเวที และพื้นที่ปลอดภัยที่จะได้พูดคุยในเรื่องนี้ อย่างจริงจังเสียที”

ต่อมาได้มีหลายพรรคแสดงจุดยืน ว่าจะไม่ขอร่วมแก้มาตรา 112 ทั้งพรรคประชาธิปปัตย์ และพรรคกล้า จนล่าสุดนายวิโรจน์ ก็กลับลำชี้แจง เรื่องการยกเลิกมาตรา 112 ระบุว่า “ต้องเข้าใจก่อนว่า การเปลี่ยนแปลงใน ม.112 ก็ยังอยู่ในครรลองของระบอบประชาธิปไตย อันมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ นะครับ แต่การท่าทีที่ชัดเจนของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะมีท่าทีอย่างไร ก็เป็นผลดีต่อการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งจะได้หารือเป็นประเด็นทางสังคมต่อไปครับ การที่ ม.112 ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับสถาบันกษัตริย์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือคุกคามสิทธิเสรีภาพของคนคิดต่าง แบบพร่ำเพรื่อต่างหาก ที่นอกจากจะกระทบถึงสถาบันกษัตริย์แล้ว ยังทำให้สถาบันฯ ถูกดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง และสุ่มเสี่ยงที่รัฐ จะนำมาใช้เป็นเกราะกำบังในการตรวจสอบ”

ทั้งนี้จะเห็นว่า การโพสต์ของนายวิโรจน์นั้น ในตอนแรกอยากให้หลาย ๆ พรรคออกมาเคลื่อนไหวเรื่องมาตรา 112 เพราะหากยิ่งพูดกันมาก ๆ ก็จะมีพื้นที่ที่ปลอดภัยให้ได้พูด แต่เมื่อยังมีอีกหลาย ๆ พรรคไม่เอาด้วย นายวิโรจน์ก็ชี้แจงเพิ่มเติม แต่ยังมีการโพสต์พาดพิงถึงสถาบันฯ อยู่ จนทำให้มีกระแสคอมเม้นต์ไปโจมตีพรรคอื่น ว่าทำไมถึงไม่กล้า

รวมทั้งก่อนหน้านี้มีประเด็นเรื่องเครื่องราชฯ ที่ส.ส. พรรคก้าวไกล หลายคนได้ยื่นขอเครื่องราชฯ แต่มาวันนี้กลับดันแก้มาตรา 112 ซึ่งหลายเสียงในโซเชียลมองว่า นักการเมืองกำลังย้อนแย้ง และนายวิโรจน์ ก็เป็นหนึ่งในส.ส. ที่ได้รับเครื่องราชฯ ด้วย