ดร.นิว เปิดประเด็นชัด ความจริง สถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อสู้ นายทุนเผด็จการ วางรากระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น
ในวันที่ 16 ต.ค.64 ทางด้านของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ถึงความจริงที่หลายๆคนที่กำลังให้การสนับสนุนการชุมนุมอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน คือ สถาบันพระมหากษัติรย์ พยายามผลักดัน ประชาธิปไตยมาโดยตลอด โดยมีรายละเอียดว่า
ราชประชาสมาสัย ปวงประชาราชร่วมใจสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ม็อบสามนิ้วถือแนวทางผิด แถมยังเป็นแนวทางรุนแรงที่ล้าหลังและป่าเถื่อนอนาธิปไตย ตกเป็นแนวร่วมของลัทธิกบฏจ้องล้มล้างการปกครอง จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่จะฝ่อและจบสิ้นลงไปเองในที่สุด
แต่อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนกว่าจะมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเป็นธรรมเกิดขึ้น เพื่อยังประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร์ให้ถึงพร้อมบริบูรณ์โดยทั่วกัน
เมื่อ ประชาธิปไตย คือ ประโยชน์สุขของปวงประชาชนเป็นใหญ่ ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศย่อมมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ขณะที่นายทุนกับนักการเมือง ซึ่งรวมๆกันแล้วเรียกว่า นักธุรกิจการเมือง ยังคงเป็น กลุ่มเผด็จการ ร่วมกันฮั้วประเทศชาติเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว สุมหัวกันหากินจากการเอารัดเอาเปรียบประชาชนและความไม่เป็นธรรมของระบอบการปกครอง ไม่ยอมเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง ยังคงรักษาผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยเป็นที่ตั้งนับตั้งแต่คณะราษฎรเป็นต้นมา
นายทุนเผด็จการกับนักการเมืองเผด็จการจึงเป็นรากเหง้าของปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตยและระบอบการปกครองที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด มิหนำซ้ำสถาบันพระมหากษัตริย์ยังถูกทำให้กลายเป็นเจว็ดและถูกคุกคามมาโดยตลอด เพราะถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงแข็งแรง ประชาชนก็จะแข็งแรงตามไปด้วย กลายเป็นเรื่องยากนักที่นักธุรกิจการเมืองจะครอบงำประชาชนและปกครองประเทศนี้ได้โดยง่าย
สถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นกำลังสำคัญของประชาชน และเป็นกุญแจที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยไปสู่ความประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้วางรากฐานของชาติและระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ทรงถือแนวทางที่ถูกต้องในการสร้างประชาธิปไตย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเมืองการปกครองและอัตลักษณ์ของชาติไทยมาโดยตลอด
สถาบันพระมหากษัตริย์เองจะมั่นคงสถาพรได้อย่างถาวร ก็ต่อเมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระบรมราโชบายในการสถาปนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันเป็นมรดกตกทอดนับตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้ปรากฏขึ้นเป็นความจริง นำไปสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเป็นธรรม
มีแต่การเคลื่อนไหวในแนวทางถูกที่ต้องและสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของชาติไทย อีกทั้งเป็นไปโดยสันติวิธีเท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่อนาคตอันสดใสได้เป็นผลสำเร็จ