ปีเตอร์ ชิฟฟ์แห่งยูโรแปซิฟิคแคปปิตอลเตือนโลก!?!ดอลลาร์ล่มสลายก่อสึนามิเศรษฐกิจสหรัฐ คือจุดเริ่มต้นวิกฤตการเงินครั้งประวัติศาสตร์

1551

ปีเตอร์ ชิฟฟ์(Peter Schiff)ได้กล่าวว่า ‘นี่คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ’ เป็นการคาดการณ์อย่างเลวร้ายต่อวัฏจักรเศรษฐกิจสหรัฐที่แกว่งตัวแรง หรือที่เรียกว่า Boom-bust Cycle

หลังจากประสบปัญหาตลาดหุ้นตกหนักที่สุด ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ได้ประกาศอัดฉีดเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาความตึงเครียดของตลาดทุน เป็นการดำเนินการที่ใหญ่ที่สุดของเฟดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2551 เกิดวัฎจักรแกว่งตัวแรงของเศรษฐกิจสหรัฐ

ปีเตอร์ ชิฟฟ์(Peter Schiff) ซึ่งเป็นCEO ของ Euro Pacific Capital ติดตามค้นหาว่าการกระทำของ Fed เพียงพอที่จะหยุดการวิกฤตครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นได้จริงหรือไม่

ชิฟฟ์ซึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นผู้มีประสบการณ์กล่าวว่า “ตลาดกระทิงจบลงแล้ว ดูที่ตัวเลขก็เห็นชัดว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ” และเสริมว่า “วิกฤตการณ์ทางการเงินของสหรัฐฯ ในปี 2008 จะอ่อนลงมากเมื่อเทียบกับความรุนแรงของภาวะถดถอยครั้งนี้ สหรัฐจะประสบภาวะถดถอยมากขึ้นกว่าที่เรามีครั้งในปี 2008”

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ความแตกต่างก็คือ”จะมีเงินเฟ้อจริง เรากำลังจะทำให้ราคาผู้บริโภคสูงขึ้นและเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงซึ่งจะทำให้ราคาแย่ลงกว่าที่เราเคยประสบเมื่อ 10-12 ปีก่อนมาก”

ชิฟฟ์อธิบายว่าการระบาดเชื้อโควิด-19 ไม่เพียงเป็นเข็มหมุดทิ่มแทงฟองสบู่ของตลาดหุ้นและฟองสบู่คริปโตเท่านั้น  แต่ยังได้เจาะทะลุฟองสบู่ของตลาดตราสารหนี้อีกด้วย

“ดังนั้น ตอนนี้เราต้องจัดการกับผลที่ตามมาของโรคที่เฟด ได้สร้างความเสียหายให้กับเรา และน่าเสียดายที่การรักษาอาการป่วยโควิด-19 ของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจยิ่งเสียหาย”

นักยุทธศาสตร์กล่าวว่าการกระตุ้นทางการคลังจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง“สหรัฐฯ ยากจน ไม่มีเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจริง และสิ่งที่เราทำได้คือพิมพ์เงิน ตลาดตราสารหนี้กำลังระเบิดเพราะมีหนี้มากเกินไป”

ก่อนหน้านี้ (26 มิ.ย.2564) จอห์น วิลเลียม(John William)กูรูนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันบอกว่า ก่อนสิ้นปีนี้ไป เปโตรดอลล่าร์จะเกิดวิกฤติค่าเงินถูกลงมากจนไร้ค่า (hyperinflation) คาดการณ์ว่าอาการเฟ้ออย่างรุนแรงของดอลล่าร์เปรียบได้กับนิวเคลียร์ที่จะถล่มโลกเลยทีเดียว

สื่อออนไลน์ดิแอตแลนติสรายงานว่า The Federal Reserve หรือFED ซึ่งเป็นองค์กรในเครือของ Central-Bank-Cartel American ใช้เงิน 6,000,000,000(หกพันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในพันธบัตรรัฐบาลกลาง พันธบัตรองค์กร ETF: Exchanged Traded Fund คือกองทุนรวมชนิดพิเศษที่นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนแบบ real-time ตลอดจนหลักทรัพย์สินเชื่อที่อยู่อาศัย และใส่ไว้ในงบดุลของตนเอง

พวกเขามักจะใช้ BlackRock, State Street, JP Morgan, GS และอื่นๆ เป็นตัวกลาง ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เงินที่หาได้จากการคิดดอกเบี้ยจากพวกเรา และใช้เงินของเราเพื่อซื้อทรัพย์สินในประเทศของเราเอง แล้วเอาไปใส่ไว้ในงบดุลของพวกเขา คุณและสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของคุณเป็นหลักประกันของพวกเขา โดยนัยสำคัญนี้ การเชื่อมโยงของระบบเงินตราทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบ เมื่อดอลลาร์ไร้ค่าลงอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก