เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล – ปาเลสไตน์ที่กาซา ทวีความรุนแรงมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสองฝ่ายต่างๆได้ยิงขีปนาวุธใส่กันไมยั้ง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจาก ตำรวจอิสราเอลปราบชาวปาเลสไตน์และ คนอิสราเอลเชื้อสายอาหรับที่เป็นมุสลิมที่มัสยิด อัล-อักซอและกองทหารอิสราเอลขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านในเยรูซาเล็มตะวันออก
FIGHTING ESCALATES: For the first time publicly, Pres. Biden expressed his support for a ceasefire in a call with Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu. @mattgutmanABC reports as the death toll grows in Gaza and tens of thousands are left homeless. https://t.co/vSTCDvVUzi pic.twitter.com/WKYDGLasiG
— World News Tonight (@ABCWorldNews) May 18, 2021
วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยอ้างแหล่งข่าวในสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่า ตามรายงานประจำวันสภาคองเกรสได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเสนอขายอาวุธ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.หลายวันก่อนที่ฮามาสจะยิงจรวดโจมตีอิสราเอลครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ไม่สงบในเยรูซาเล็มตะวันออก เมื่อครอบครัวชาวอาหรับหลายครอบครัวถูกบังคับให้ออกจากบ้านในย่าน Sheikh Jarrah ตามคำตัดสินของศาลอิสราเอล
การเสนอขายJoint Direct Attack Munitions (JDAMS)เป็นขีปนาวุธนำวิถีให้ อิสราเอล ซี่งเคยสั่งซื้อ JDAMS มาก่อนโดยอธิบายถึงทางเลือกของพวกเขาโดยกล่าวว่า การโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซาที่มีระบบนำทางอย่างแม่นยำ จะช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตในหมู่พลเรือนได้ และอ้างว่าปฏิบัติการเพื่อโจมตีกลุ่มฮามาสซึ่งถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
เกรกอรี่ ดับเบิลยู มีคส์(Gregory W. Meeks) ผู้ช่วยคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาคองเกรสกล่าวว่า “ไม่มีความโปร่งใสในคณะกรรมการการต่างประเทศของสภาและข้อตกลงที่ละเอียดอ่อนได้รับการอนุมัติอย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง”
ขณะเดียวกัน ไบเดนยังยืนยันจุดยืนหนุนอิสราเอลและจะมีเสียงคัดค้าน จากสส.และสว.เดโมแครตในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามการคัดค้านการขายอาวุธครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเน้นย้ำถึงความแตกแยกที่เพิ่มขึ้นในหมู่พรรคเดโมแครตจากการวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2564 เวลา 09.48 ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ว่ารัฐบาลวอชิงตัน “สนับสนุนการหยุดยิง” ในฉนวนกาซา แต่ไม่ได้กล่าวว่า “ต้องเกิดขึ้นเมื่อใด”
แถลงการณ์เมื่อวานนี้ เป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งที่ 2 ห่างกันเพียง 3 วัน ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล มีเนื้อหาในตอนหนึ่งว่า สหรัฐ “สนับสนุน” การที่อิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เพื่อยุติการสู้รบรอบล่าสุดในฉนวนกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 200 ราย ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า การหยุดยิง “ต้องเกิดขึ้นทันที”
เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย แม้แต่ในพรรคเดโมแครตเอง ซึ่งแกนนำของพรรคต้องการให้ผู้นำสหรัฐสนับสนุน “การหยุดยิงทันที” ในฉนวนกาซา ไม่ใช่การให้ความเห็น “ปลายเปิด” ลักษณะนี้
Prime Minister Benjamin Netanyahu:
"I have just finished an assessment of the situation, as well as the approval of operational plans, with the Defense Minister, the IDF Chief-of-Staff, the head of the ISA, the head of the Mossad and the head of the National Security Council. pic.twitter.com/TshrmMKFCA— PM of Israel (@IsraeliPM) May 17, 2021
ด้านนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่าสหรัฐจะเน้น “การทูตปิดเงียบ” เพื่อคลี่คลายวิกฤติการณ์ในฉนวนกาซาครั้งนี้ เพื่อลดความกดดันต่อคู่ขัดย้งทั้งสองฝ่าย เป็นไปในทางเดียวกับที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันพร้อมทำหน้าที่คนกลาง หากอิสราเอลและกลุ่มฮามาสต้องการหยุดยิง “แต่จะไม่บังคับ” ให้คู่กรณีต้องเข้าสู่กระบวนการ
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน เนทันยาฮูแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ยืนยันว่าอิสราเอลจะยังคงปฏิบัติการทางทหาร “นานตราบเท่าที่จำเป็น” เพื่อทำลายเป้าหมายซึ่งเป็นของ “กลุ่มก่อการร้ายในฉนวนกาซา เพื่อให้มั่นใจว่า ชาวอิสราเอลจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบและปลอดภัยในระยะยาว