เปิดคดี “มะแจสิ่น” สาวชาวเมียนมาถูกกระสุนจากในม็อบเสียชีวิต เทียบคนเสื้อแดงปี 53 เหยื่อชายชุดดำ เตือนสามนิ้วดูถูกโหนศพ!?!

2550

เปิดคดี “มะแจสิ่น” สาวชาวเมียนมาถูกกระสุนจากในม็อบเสียชีวิต เทียบคนเสื้อแดงปี 53 เหยื่อชายชุดดำ เตือนสามนิ้วดูถูกโหนศพ!!

จากกรณีเหตุการณ์การชุมนุมในประเทศเมียนมา ซึ่งในวันพุธที่ 3 มี.ค. ผู้ชุมนุมตามเมืองต่างๆ ถูกสังหารรวมกันถึง 38 ราย เป็นสถิติวันนองเลือดที่รุนแรงมากที่สุด นับจากเกิดรัฐประหารวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่เมืองมัณฑะเลย์ มีการปราปรามม็อบอย่างรุนแรงและมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนหลายราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แองเจิล หรือ มะ แจ สิ่นน สาวน้อยวัย 19 ปี เธอเสียชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้วยกระสุนจริง ก่อนจะมีการเผยภาพของเธอในนาทีที่กำลังพยายามจะหมอบหลบกระสุน และถูกยิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากกรณีของมะแจ สิ่น ก็ได้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ถึงการใช้ความรุนแรงในการปราบผู้ชุมนุม

ล่าสุด ต่อมาทางด้านเจ้าหน้าที่นิติเวช ได้ทำการผ่าชันสูตรศพ “มะแจสิ่น” ณ ฮวงซุ้ยที่ฝังศพของเธอในสุสาน “เอเยะเงม” ซึ่งเป็นสุสานของของชาวจีนยูนนาน ในกรุงมัณฑะเลย์ เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา  จากการผ่าชันสูตร เจ้าหน้าที่พบรอยแผลที่ด้านหลังใบหูข้างซ้ายบนศีรษะของมะแจสิ่น ซึ่งขัดแย้งกับลักษณะของเหตุการณ์ที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วง ในบาดแผลได้พบชิ้นส่วนตะกั่วยาว 1.2 เซนติเมตร กว้าง 0.7 เซนติเมตร ซึ่งเป็นลักษณะของกระสุนขนาด .38 ที่ใช้สำหรับปืนสั้น ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับอาวุธที่ตำรวจหน่วยปราบจลาจลใช้

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พยายามชันสูตรพลิกศพด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ญาติของมะแจสิ่น รีบฝังศพเธอเสียก่อนในวันรุ่งขึ้น (4 มี.ค.) ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไปขออนุญาตจากศาลให้ขุดศพของมะแจสิ่นขึ้นมาผ่าชันสูตร และศาลก็อนุญาตให้ทำได้เมื่อเย็นวันที่ 5 มีนาคม โดยเจ้าหน้าที่นิติเวช ร่วมกับตำรวจ และทหาร ได้ไปขุดศพของเธอขึ้นมาผ่าชันสูตรที่สุสาน “เอเยะเงม” โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้นำร่างของเธอฝังกลับคืนลงไปในหลุม

มะแจสิ่น วัย 19 ปี เป็นหญิงพม่าเชื้อสายจีนยูนนาน มีชื่อจีนว่า เติ้ง เจียซี ได้ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหัวมุมถนนหมายเลข 84 ตัดกับหมายเลข 30 ในกรุงมัณฑะเลย์ เมื่อเช้าวันที่ 3 มีนาคม ขณะร่วมประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร ที่ศพของเธอพบรอยกระสุนถูกยิงที่ศีรษะ และกลุ่มประท้วงได้นำการเสียชีวิตของเธอมาโจมตีกองทัพและตำรวจพม่าว่า ปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยมต่อผู้ชุมนุม โดยการใช้สไนเปอร์มาซุ่มยิงผู้ประท้วงจนเสียชีวิต

ทั้งนี้ จากผลการชันสูตร แสดงให้เห็นว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นในประเทศ พยายามให้ความขัดแย้งที่ดำเนินการอยู่บานปลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีต่อไป

ซึ่งหากย้อนไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 สำหรับเหตุการณ์การขอคืนพื้นที่ สลายการชุมนุม ในวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ การสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้การบังคับบัญชาของ “ศอฉ.” หรือ “ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน” ก็ได้เกิดเหตุการณ์คล้ายกับกรณีของมะแจสิ่น ที่มีผู้ชุมนุม ถูกยิงที่ศีรษะขณะกำลังยืนโบกธง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า วิถีของกระสุนมาจากด้านหลัง อยู่ในแนวกลุ่มของผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งขณะนั้น ผู้ชุมนุมคนดังกล่าวกำลังยืนประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าว น่าจะโดนกระสุนมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกัน

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกรณีนี้ จึงเป็นบทเรียนให้กับผู้ชุมนุมม็อบสามนิ้ว ว่า ขณะนี้การเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎร กำลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการปฏิวัติประชาชน ซึ่งจะก่อความรุนแรงเพื่อให้เกิดการสูญเสียเพื่อที่จะมีศพออกมาโหน?