จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เดินทางมาศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องขอออกหมายจับ น.ส.ญาณิศา (สงวนนามสกุล) นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ
หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เพื่อนหญิงคนสนิทของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ มาตรา 112 และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ และคำร้องขอออกหมายจับ นายธนภัทร ไม่ทราบนามสกุล
ศาลอาญามีคำสั่งว่า ไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองได้ร่วมกับนายไชยอมรกระทำการดังกล่าว มีแต่คำให้การของบุคคลที่พนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยานให้การซัดทอดเพียงเท่านั้น พยานหลักฐานที่ยื่นมาจึงยังไม่สามารถออกหมายจับได้ ยกคำร้อง
ทั้งนี้ ล่าสุด นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า
“กรณีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอให้ออกหมายจับนางสาวญาณิศาและนายธนภัทรในข้อหาร่วมกระทำความผิดกับนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ในการวางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม แต่ศาลไม่อนุญาตให้ออกหมายจับนั้น
ไม่ได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีแก่คนทั้งสองไม่ได้หรือบุคคลทั้งสองพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด แล้ว พนักงานสอบสวนยังมีอำนาจออกหมายเรียกคนทั้งสองให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนได้
ถ้าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวนแล้ว ผู้ใดไม่มาพบตามหมายเรียก พนักงานสอบสวนก็ขอให้ศาลออกหมายจับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (2) วรรคสอง
กรุณาอย่าเอาแต่ใจตัวเองว่าคือความถูกต้อง อะไรที่ไม่ได้ดังที่ตัวเองต้องการก็โวยวายกันแล้ว.”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า หากได้รับหมายเรียกครั้งที่ 1 แล้วไม่ไปตามหมาย พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากไม่ไปตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ก็อาจถูกออกหมายจับได้
ดังนั้น ลูกไม้ ญาณิศา ก็ยังไม่พ้นผิดแต่อย่างใด เพียงแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้เนื่องจากพยานหลักฐาน แต่หากหลังจากการสืบสวนแล้วพบว่า นางสาวญานิศา และเพื่อนมีความผิดจริง ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกับนายไชยอมร