เปิดชะตากรรมย่ำแย่ “แอมมี่ สามกีบ” ไม่ต้องรอ บทลงโทษตามกฎหมาย หลังล้อเลียน ในหลวง ร.9

9689

สภาวะจิตต่ำทราม!? เปิดชะตากรรมย่ำแย่ “แอมมี่ สามกีบ” ไม่ต้องรอ บทลงโทษตามกฎหมาย หลังล้อเลียน ในหลวง ร.9

สร้างกระแสบนโลกโซเชียลอย่างต่อเนื่อง งสำหรับนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ The Bottom Blues ” วัย 32 ปี อดีตนักร้องชื่อดัง และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกม็อบ 3 นิ้ว ที่เคลื่อนไหวในการประท้วงหลายกิจกรรมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้แอมมี่ ได้ถอดเสื้อนอนเตียงพยาบาลเพื่อมาร่วมรับฟังคำสั่งฟ้องจากคดีชุมนุม 19 กันยา ในมาตรา 112 มาตรา 116 และมาตรา 215 ร่วมกับพวกอีก 18 คน และเจ้าตัวก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าที่ผ่านมานั้นตัวเองป่วยเป็นโรคกระจกตาโป่งพอง (Keratoconus) พร้อมกับบอกว่าที่ไม่อยากบอกเรื่องนี้ก็เพราะเกรงว่าจะถูกคนที่ไม่เห็นด้วยกล่าวหาว่าตนล้อเลียนในหลวงรัชกาลที่ 9

“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับทุกคน ที่ผมไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมในระยะหลัง จนสลิ่มพากันตีโพยตีพายว่าผมหงอแล้ว เพราะโดนคดีเยอะ ความจริงสิ่งที่ผมไม่ได้บอกคือ ผมเป็นโรคกระจกตาโป่งพอง (Keratoconus) ผมเป็นมาหลายปีแล้วและไม่มีโอกาสได้ผ่าตัด ผมไม่กล้าบอกเพราะกลัวจะเกิดดรามาอีกว่าเป็นการล้อเลียน รัชกาลที่ 9”

“วันนี้ผมได้ขอเลื่อนทางตำรวจแล้ว แต่ตำรวจยืนกรานว่าอัยการไม่อนุญาต ผมจึงจำเป็นต้องมาเพราะหากขาดผม ตำรวจจะออกหมายจับอีก 17 คนทันที เนื่องด้วยเป็นคดีกลุ่ม”แต่ครั้งนั้นมีรายงานว่า ในส่วนของคดีนั้นทางศาลได้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน

และยังโพสต์ข้อความอีกด้วยว่า ใส่สูทก็หาว่าเป็นพระราชา
แก้ผ้าก็หาว่าเป็นนักแสดง
เหตุผลที่ผมแคร์ความคิดของกลุ่มนี้

เพราะแท้ที่จริงแล้ว
สลิ่มหลายคน หรือ บุคคลผู้เพิกเฉย
มีจุดร่วมสำคัญกับพวกเราอยู่อย่างหนึ่ง
คือ สุดจะเอือมระอากับประยุทธ์และคณะ

ตอนนี้ช่างแม่งไปเลย ว่าใครจะเอาเจ้าหรือไม่เอาเจ้า
อยากเห็นทุกคนออกมาช่วยกัน
เพื่ออนาคตของประเทศที่ดีกว่า
เอาไอ้เหี้ยตู่ ออกไปให้ได้ก่อน
เพื่อเก็บชัยชนะแรก

ล่าสุดนายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงประเด็นของนายแอมมี่ ดังนี้

“คุณจะเป็นอย่างที่คุณคิดและทำ”

ตอนเรียนชั้นประถมศึกษา 1-4 ผมไม่อยากไปโรงเรียนเลย เพราะกลัวจะตอบคำถามของครูไม่ได้ กลัวครูดุและตีเมื่อทำการบ้านผิดหรือทำไม่ได้ กลัวเพื่อนบางคนที่หาเรื่องชกต่อย และอึดอัดเมื่อต้องนั่งคาเก้าอี้อยู่แต่ในห้อง ทั้งหมดทำให้ผมเครียด ผมจึงต้องหาเรื่องเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องไปโรงเรียน

“เรื่องที่ผมหา” ก็คือเรื่อง “ปวดหัว” ผมจะบอกกับพ่อแม่ว่าผมปวดหัวในตอนเช้า แต่พ่อแม่ไม่เชื่อ ผมจึงต้องคิด (สั่งตัวเอง) ให้ปวดหัวและแสดงอาการประกอบด้วย ไม่นานนักผมก็ค่อยเริ่มปวดหัวและปวดมากขึ้น

แต่กระนั้นผมก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี เพราะพ่อแม่สั่ง อีกทั้งกลัวครูตีถ้าไม่ไป และยังกลัวเรียนไม่ทันและสอบตก ผมจึงต้องไปโรงเรียนทั้งที่ปวดหัว มากบ้างน้อยบ้าง มึนทึมบ้าง ชีวิตที่เคยปรกติกลับมีความขัดแย้ง (ไม่อยากไป-ต้องไป) เข้ามาฝังและรบกันมานับแต่นั้น

มันฝังและรบกันอยู่ในชีวิตผมแม้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ซ้ำยังมากขึ้นด้วย ยามใดที่มีนัดต้องไปพบใครสักคน ผมจะนอนไม่หลับด้วยความกลัวว่าจะป่วย พอเช้าก็ป่วยจริง มากบ้างน้อยบ้าง และต้องพึ่งยาแก้ปวดเสมอ จนทุกวันนี้ผมก็ไม่กล้าไปไหน ไม่กล้าไปพบใคร ไม่ว่าจะอยากไปแค่ไหนก็ตาม

ทั้งหมดมันเป็นผลจาก “การคิด” และ “การกระทำ” คิดดีและทำดี ชีวิตก็ย่อมดี คิดชั่วและทำชั่ว ชีวิตก็ย่อมชั่ว ยิ่งย้ำคิดย้ำทำ..ก็ยิ่งทำให้มันเติบโตและฝังรากอยู่ในชีวิตจนไม่สามารถถอนทึ้งมันออกไปได้ จนมันเป็นบุคลิกภาพ และสุดท้ายก็กลายเป็นชะตากรรม

พุทธศาสนาเรียกว่า “กรรมและวิบาก” กัมมชรูป-จิตตชรูป

บุคคลในภาพนี้..ล้อเลียนในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการปิดตาข้างหนึ่งเสมือนว่าบาดเจ็บ เขาอาจรู้สึกลำพอง สะใจ และได้ใจจากฝ่ายเดียวกัน แต่จิตเขานั้นไร้สติปัญญาและต่ำทราม

จิตที่ต่ำทรามกระทำต่อบุคคลที่มีคุณสมบัติจิตที่สูงกว่า ชีวิตเขาจะได้รับผลแห่งการคิดและการกระทำที่เร็วและแรงกว่าผมมากมายนัก ตาของเขาอาจจะไม่บอดจริง แต่ใจเขาบอดมืดมิดอยู่แล้ว เขาจะยิ่งเห็นผิดเป็นถูก เห็นนรกเป็นสวรรค์ และมันจะเป็นคุณสมบัติจิตที่พอกพูนมากขึ้นและตลอดไป

เขากำลังบ่มเพาะชะตากรรมอันชั่วร้ายให้ชีวิตตัวเองอยู่ และผลของมันก็รอเขาอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผลของการใช้กฎหมาย

อย่างไรก็ตามวีรกรรมของแอมมี่ ก๊วน 3 นิ้ว ได้สาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โวยวายอวดครวญเวลาเจอหมายศาลมาที่บ้าน และยังรวงมกับก๊วนแกนนำไปเทอาหารเหยียดหยามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ. คลองหลวงด้วย ก่อนหน้านี้ได้ใส่ชุดสูทถ่ายรูปคู่กับทราย เจริญปุระ เป็นการล้อเลียนในหลวงร.9 จนลามมาถึงอ้างว่าตาเจ็บ ทำให้ต้องมาศาลให้สภาพนี้ แต่เจตนาแท้จริงก็ชัดเจนว่า ต้องการทำอะไร ไม่เช่นนั้นคงไม่โพสต์เรียกกระแสให้ตัวเองอยู่บ่อยครั้ง