หลังจากที่น.ส.อัครสร โอปิลันธน์ หรือ อั่งอั๊ง บุตรสาวของนางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และยังมีศักดิ์เป็นหลานสาวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า
โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ หมิ่นเบื้องสูง ก่อนลบโพสต์ในภายหลัง และศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด (Bully) ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ม.112 นั้น
ล่าสุดทางด้านนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ผลกรรมมันเป็นเหมือนบูเมอแรง ที่ตี๋หนึ่งขว้างไปแล้วหลานตัวเองติดกับดักนั้นด้วย บูมเมอแรงแห่งกรรมที่หลอกให้คนหลงผิดกำลังเหวี่ยงเข้าสู่ลูกหลาน แม่และน้องของตัวเองแล้ว น่าสงสารคนรุ่นหนุ่มสาวที่น่าจะมีอนาคตสดใส
ทำให้มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ระบุว่า กลัวอยู่นอกคุกคนเดียวแล้วเหงา เลยอยากมีส่วนร่วมในการทำชั่ว เพื่อไม่ให้เสียชื่อตระกูลว่าเลวทั้งตระกูล และก็ต้องติดคุกทั้งตระกูลด้วยปากพาซวยเหมือนน้ามัน
อย่าไปโกรธคนอื่นเลย มันมาจากอากู่ของหนู การเลี้ยงดูในครอบครัวหนู ที่ไม่รู้จักสอนให้เด็ก ๆ แบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบ สอนแต่จะให้ใช้สิทธิ์ไปก้าวล่วงชาวบ้านตลอด แบบอากู๋ของหนูไง ตัวอย่างที่ชัดเจน
เป็นครอบครัวที่เหมือนกันทุกคน คิดและกระทำสิ่งเลวร้าย มองเป็นสิ่งควรกระทำ ให้สงสัยร่ำรวยเงินทองมาได้อย่างไร รุ่นพ่อที่ไม่อยู่แล้วลำบากสร้างตัวแต่เมียลูกใช้ฐานเงินต่อเงินด้วยการทุจริต ยังคิดร้ายต่อแผ่นดินอีก
เจ๊กตระกูลจึงฯ ที่ยังมีชีวิตอยู่นี่ มีคนไหนที่ยังเป็นคนคิดดีทำดีกับชาติศาสน์กษัตริย์บ้างมั้ย DNA สหายสมพรนี่แรงจริงๆ ส่งต่อมาถึงลูกหลานเหลนได้ไม่ผิดเพี้ยนเลย
โดยก่อนหน้านี้ในทวิตเตอร์ @AngAngOpilan ของน.ส.อัครสร หรืออั่งอั๊ง โพสต์ข้อความเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 กับตำรวจ ที่หน้าศาลฎีกา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา โดยพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในลักษณะอันมิบังควร ภายหลังเจ้าตัวได้ลบข้อความไปแล้ว แต่ก็มีชาวเน็ตบันทึกภาพหน้าจอข้อความดังกล่าวเอาไว้ได้ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวคิดดังกล่าวจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ น.ส.อัครสรได้ร่วมวงเสวนาในหัวข้อ “ถ้าการเมืองดี นักเรียน-นักศึกษา จะรักชาติกันอย่างไร” ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ชั้น 4 อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2563 ในตอนหนึ่งกล่าวว่า “การเมืองที่คุณตาคุณยายท่านหนึ่งต้องมาติดคุกเพียงเพราะเก็บเห็ดไปขาย” ทั้งที่จริงแล้ว เป็นกรณีที่สามีภรรยาถูกจับกุมเมื่ออายุ 48 ปี ข้อหาบุกรุกป่าและครอบครองไม้เถื่อน ซึ่งได้อธิบายจนสังคมสิ้นสงสัยไปนานแล้ว
ใจความตอนหนึ่ง ได้ระบุว่า “ถึงแม้ว่าเราจะทำบุญกี่ชาติ ทำบุญมากแค่ไหนในชาตินี้ หากรัฐธรรมนูญมันไม่เปลี่ยน เราจะเกิดอยู่ในลูปเดิมแห่งความยากจน ลูปเดิมแห่งความไม่เท่าเทียม” ทำให้เพจ Drama Fight – ศึกวันดราม่า ได้ออกมาฉะเดือดถึงเรื่องนี้ ระบุเรียงเป็นข้อ ๆ ว่า
น้องคนนี้ชื่อ อั่งอั๊ง เป็นหลานสาวธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
อั่งอั๊งขึ้นเวทีเสวนาที่ธรรมศาสตร์ในหัวข้อ ถ้าการเมืองดี นักเรียน นักศึกษา จะรักชาติกันอย่างไร
น้องพูดจาราบเรียบ สุภาพ แต่หลายข้อที่พูดถึงเป็นการบิดเบือน
ที่น่าขำ น้องยังกล่าวโจมตีรัฐบาลว่า ใช้อำนาจรังแก ตายายที่เพียงเข้าไปเก็บเห็ดในป่า
แถมยังบอกว่าหลังโควิดรัฐเอาเงินประกันสังคมไปอุ้มศรีพันวา โอ๊ยยย
อีหนู มึงยังจะมาตายายเก็บเห็ดอยู่อีก เขาพิสูจน์กันไปถึงไหนแล้ว คนรุ่นใหม่แต่ทำไมไม่อัพเดทเลย
และหากย้อนไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ที่มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น ได้มีการขึ้นปราศรัยของแกนนำได้มีการพูดโจมตีสถาบันอย่างชัดเจนและดุเดือด
โดยในโลกโซเชียลได้เผยแพร่คลิป ที่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นภาษาอังกฤษ แสดงทัศนะต่อประเด็นทางการเมืองซึ่งเด็กผู้หญิงในคลิปก็คือ อั่งอั๊ง อัครสร โอปิลันธน์ อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนอินเตอร์ Concordian International School และผู้ร่วมก่อตั้ง a student-led media platform, Choose Change ที่มีจุดประสงค์เพื่อทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในสังคม ซึ่งเป็นบุตรสาวของ ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ได้มีการตั้งคำถามว่า ในวันที่มีม็อบ 19 กันยา มีการสัมภาษณ์เด็กสาวภาพลักษณ์อินเตอร์ โดยไม่เปิดเผยตัวว่าเป็นหลานธนาธร ให้ออกมาสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ดูอินเตอร์ ว่าเด็กไทยที่มีความรู้ดี ยังสนับสนุนม็อบ แต่จะเข้าข่ายใช้หลานเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 อั่งอั๊ง หลานสาวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงประเด็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ 45 ล้านบาท โดยระบุข้อความว่า solar cells 45ล้านบาทจริง ๆ หรอคะ? ซึ่งก็ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีการตั้งข้อคำถามของอั่งอั๊ง โดยเกิดการตั้งข้อสังเกตว่า อั่งอั๊ง สงสัยในการทำงานของรัฐบาลที่มีการติดตั้งโซล่าเซลล์ โดยใช้งบประมาณ 45 ล้าน แต่ในเรื่องของคดีความของครอบครัวตัวเองกลับไม่พูดถึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การติดสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ถึง 20 ล้านบาท ของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ การบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และประเด็นเรือยอร์ชที่ถูกไฟไหม้ที่ภูเก็ต ซึ่งภายหลังมีการตรวจสอบพบว่า เรือยอร์ชลำดังกล่าวได้มีการจดทะเบียนที่เกาะคุก ซึ่งมีเจตนาที่จะเลี่ยงภาษี รวมไปถึงคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ โดยคดีความทั้งหมดของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ อั่งอั๊งกลับไม่คิดที่จะสงสัยและไม่มีการพูดถึงเลย