เปิดหลักฐาน!กกต.เรียกศรีสุวรรณให้ถ้อยคำปมก้าวหน้าขัดม.111 งานนี้ไม่แค่ติดคุก?

6705

จากการนำคณะก้าวหน้าลงเลือกตั้งชิงนายกอบจ.และสมาชิกอบจ. ที่แม้ธนาธร จะไม่ได้นายกฯอบจ.เลยแต่คนเดียว ขณะที่ได้สมาชิกอบจ.เพียง57คน กระนั้นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ จำนวนคน-จำนวนคะแนนที่คณะก้าวหน้าได้มาสะท้อนนัยยะบางอย่างที่สำคัญยิ่ง!!!

ล่าสุดวันนี้ 23 ธันวาคม 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าตามที่ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.111 หรือไม่ หากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือมีความผิด ให้ดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ด้วย

“บัดนี้ ประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีหนังสือด่วนที่สุดมายังผู้ร้อง เพื่อไปให้ถ้อยคำพร้อมพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง อันเกี่ยวกับพฤติการณ์หรือการกระทำของคณะผู้ก่อตั้งหรือกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ว่ามีลักษณะการดำเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอย่างไรบ้าง” นายศรีสุวรรณ กล่าว

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้ร่วมกันตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมาโดยมีการกำหนดตำแหน่งประธาน กรรมการ และเลขาธิการ โดยมีภาพเครื่องหมายของคณะเช่นเดียวกันกับพรรคการเมือง และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับพรรคการเมือง เช่น การจัดประชุมเปิดตัวผู้สมัคร และส่งคนสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายก อบจ.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.)42 จังหวัด ทั่วประเทศในนามกลุ่มก้าวหน้า โดยใช้สัญลักษณ์หรือโลโก้กลุ่มในสื่อหาเสียงต่างๆ และให้นายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ ก็ไปร่วมปราศรัย เดินรณรงค์หาเสียงเฉกเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองด้วยเช่นกัน

ซึ่งพฤติการณ์หรือการกระทำดังกล่าวของนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ กับพวก จึงเป็นการสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง จึงอาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พรป.พรรคการเมือง 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า

“ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี”

ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีหนังสือให้ผู้ร้องไปให้ถ้อยคำในวันพฤหัสที่ 24 ธ.ค.63 นี้ เวลา 13.30 น.

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 นายศรีสุวรรณ ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.111 หรือไม่ หากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือมีความผิด ให้ดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ.ต่อไป

“ การที่พรป.พรรคการเมือง ถูกกำหนดขึ้นมาก็เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆไปจดแจ้งต่อ กกต. เพื่อที่จะได้มีกลไกทางกฎหมายในการควบคุม ดูแล โดยเฉพาะเพื่อให้มีความรับผิดชอบต่อประชาชนหากพรรคการเมืองไปดำเนินกิจกรรมใดๆที่อาจผิดกฎหมาย แต่การเลี่ยงบาลีโดยการไปจัดตั้งกลุ่มการเมืองขึ้นมา เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งอาจต้องใช้เงินใช้ทองมหาศาลในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมือง แต่ไม่มีการจดแจ้งก่อตั้งต่อ กกต.ตามที่กฎหมายกำหนด เช่นนี้ สังคมหรือ กกต.จะไปตรวจสอบการทำงาน ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน หรือความโปร่งใสได้อย่างไร

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ อย่างไร” นายศรีสุวรรณ กล่าว

ขณะที่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีคณะก้าวหน้าได้ดำเนินกิจการอย่างพรรคการเมืองหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นกรณี ช่อ พรรณิการ์ว่า

“คุณช่อลืมตัวไปหรือเปล่าว่าตัวเองกับแกนนำคณะก้าวหน้าคนอื่นๆอย่าง นายธนาธรและปิยบุตร ต่างก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่คุณช่อกลับออกมาแถลงข่าวว่า “จากเวลาที่เหลืออีก 3 สัปดาห์ จะเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ. คณะก้าวหน้าจะยังคงเดินทางไปทุกจังหวัด ไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยไม่กังวลและไม่ต้องระวังตัว เพราะตราบใดที่เราเป็นนักการเมืองต้องเดินเข้าหาประชาชนได้”

โดยเนื้อหานี้ปรากฏอยู่ในหน้าข่าวหลายสำนัก ซึ่งทำให้ดร.นิว ชี้ให้เห็นอีกว่า การออกมาแถลงข่าวของคุณช่อในครั้งนี้ จึงถือเป็นการออกมายอมรับว่าคณะก้าวหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองในฐานะนักการเมืองจริง ทั้งๆที่อยู่ระหว่างการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และคณะก้าวหน้ามีกิจการคล้ายคลึงกับพรรคการเมือง โดยที่คณะก้าวหน้ามิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ดังนั้นจึงมีโอกาสไม่น้อยที่คณะก้าวหน้าจะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา ๑๑๑ พร้อมกับการที่คุณช่อออกมาสร้างหลักฐานมัดตัวเอง และเผื่อแผ่ความซวยให้กับนายธนาธรและปิยบุตร รวมถึงผู้สมัครทั้งหมดในนามของคณะก้าวหน้าอีกด้วย