กาชาด-CDCสหรัฐฟันธง!?! โควิดแพร่ในสหรัฐยุโรปก่อนระบาดในอู่ฮั่น คาดสายพันธ์ุดุติดเร็วรุนแรง วัคซีนอาจปราบไม่อยู่(มีคลิป)

1865

กาชาดและCDC สหรัฐอเมริกา ยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา19 จากการทดสอบโรคติดเชื้อทางคลีนิก ระหว่าง ธ.ค. 2562-ม.ค. 2563 ก่อนเกิดการระบาดในอู่ฮั่นของจีน สอดคล้องจากรายงานทางการแพทย์ของอิตาลีและฝรั่งเศสในช่วงเวลาเดียวกัน ล่าสุดอังกฤษพบว่าไวรัสโควิด-19 กลายพันธ์ุ ติดเชื้อรุนแรงและเร็วขึ้น คำถามคือวัคซีนของสหรัฐจะรับมือไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ได้จริงหรือ? ผลทดลองกลุ่มแรกของสหรัฐพบพยาบาลมีผลตอบสนองที่น่าหวาดหวั่น และยังไม่มีคำชี้แจงใดๆออกมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคผู้ผลิตวัคซีน รัฐบาลและคนไทยต้องตั้งสติให้ดี อย่าประมาทไวรัสโควิด-19ที่ระบาดในรอบนี้ อาจร้ายกว่าที่คาด (ชมคลิปท้ายบทความ-ใจไม่แข็งอย่าดู)

รายงานจากกาชาดและCDC สหรัฐอเมริกา พบเชื้อไวรัสโคโรนา19 จากการทดสอบโรคติดเชื้อทางคลีนิก ระหว่าง ธันวาคม 2562-มกราคม 2563 ก่อนเกิดการระบาดในอู่ฮั่นของจีน ผลการศึกษาของหน่วยกาชาดอเมริกา และCDC สหรัฐพบสัญญาณบ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนาเกิดขึ้นในสหรัฐก่อนที่จะมีการยืนยันการระบาดในอู่ฮั่น การทดสอบเซรุ่มวิทยาโดยหน่วยบริจาคโลหิต ระบุพบว่า ไวรัส SARS-CoV-2 ส่งผลกับแอนตี้บอดี้ เป็นการทดสอบระหว่าง เดือนธันวาคม 2562-มกราคม 2563

รายงานของเอกสารการแพทย์ “Clinical Infectious Diseases” กล่าวถึงการสำรวจเส้นทางโรคติดเชื้อทางคลีนิก โดยดร.ซูซาน สแตรมเมอร์ รองประธานกิจการด้านวิทยาศาสตร์แห่งกาชาดสหรัฐ

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า สหรัฐเปิดเผยผลงานวิจัยจากอิตาลีและฝรั่งเศสที่ระบุว่าไวรัสโคโรนาอาจแพร่กระจายไปในหลายประเทศก่อนที่จะพบในประเทศจีนและถูกระบุให้เป็นโรคระบาด

นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2563  ว่าการทดสอบตัวอย่างเลือดในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.2562 ปีที่แล้วพบหลักฐานของแอนติบอดีไวรัสโคโรนา หรือที่เรียกว่าซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีการยืนยันการระบาดอย่างเป็นทางการในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2562 และมีการยืนยันผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐเมื่อวันที่ 19 ม.ค.2563

ตามรายงานของ CDC ของสหรัฐอเมริกา นักวิจัยได้ทดสอบตัวอย่างเลือด 7,389 ตัวอย่างที่เก็บรวบรวมระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. 2562 ถึง 17 ม.ค. 2563 จากประชาชนอเมริกันพบว่า 106 ตัวอย่างตอบสนองต่อการทดสอบแอนติบอดีซาร์ส-โควี-2 โดยมี 39 ตัวอย่างที่รวบรวมระหว่างวันที่ 13 ถึง 16 ธันวาคม 2562 ซึ่งการค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าซาร์ส-โควี-2 อาจแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาก่อนวันที่ 19 มกราคม 2563

นักวิทยาศาสตร์ของ CDC เขียนไว้ในการศึกษาซึ่งตีพิมพ์ลงบนวารสารโรคติดเชื้อทางคลินิก (Clinical Infectious Diseases) ว่าการพบแอนติบอดีครั้งนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่ามีผู้ติดเชื้อซาร์ส-โควี-2 ในสหรัฐอเมริกาเร็วกว่าที่ทุกคนเคยรับรู้

รวมถึงการวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์ในอิตาลีเมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่ามีการพบแอนติบอดีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในตัวอย่างเลือดที่นำมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2562และในฝรั่งเศสได้พบว่ามีผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีเชื้อไวรัสโคโรนาเชิงบวกในเดือนธันวาคม 2562

โดยตัวอย่างทั้งในอิตาลีและฝรั่งเศสเกิดขึ้นก่อนที่จะพบเชื้อไวรัสในอู่ฮั่นและเกิดการถกเถียงถึงต้นตอของไวรัสโคโรนา เช่นเดียวกับการศึกษาในประเทศอื่นๆ ที่พบหลักฐานของไวรัสโคโรนาก่อนหน้านี้ โดยข้อมูลจากรัฐบาลจีนระบุว่าตรวจสอบย้อนหลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2562 หรืออาจเร็วกว่านั้น ก่อนที่จะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการในอู่ฮั่นเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2562

อีกหนึ่งหลักฐานยืนยันประเด็นดังกล่าว (5 ธ.ค.2562) คือ ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อเยอรมนี นายอเล็กซานเดอร์ เคคูเล แถลงต่อสำนักข่าวซีจีทีเอ็น ว่า 99% ของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายทั่วโลกน่าจะมีต้นทางจากทางเหนือของอิตาลี

CDC ระบุว่าองค์การอนามัยโลกและวารสารทางการแพทย์เดอะแลนซิตกำลังพยายามหาต้นตอที่แท้จริงของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยไมค์ ไรอันนักระบาดวิทยาและผู้อำนวยการบริหารของโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า เปรียบเสมือนการงมเข็มในมหาสมุทร และองค์การอนามัยโลกต้องส่งนักวิทยาศาสตร์ไปยังอู่ฮั่นโดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม และเพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศมั่นใจในคุณภาพของวิทยาศาสตร์

ล่าสุดการรณรงค์ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ 21 ธ.ค.2563 ปรากฏภาพพยาบาลที่ได้รับการฉีดมีอาการผิดปกติหลังฉีดวัคซีน ขณะถ่ายทอดสด ต้องรีบทำการรักษาโดยเร่งด่วน เหตุการณ์ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในวัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีอยู่ไม่เต็ม 100% ของคนอเมริกันจะต่ำเตี้ยลงอีกอย่างไม่ต้องสงสัย ที่สำคัญวันนี้ การระบาดรอบใหม่ในสหรัฐยังไม่มีรายงานว่า เป็นเชื้อไวรัสกลายพันธ์ูหรือไม่ แต้ที่ยุโรปยืนยันแล้วและปั่นป่วนหวาดวิตกไปทั่ว วัคซีนตัวแรกจะปราบโควิด-19 ระยะนี้ได้สำเร็จหรือไม่ ต้องจับตา