สืบเนื่องจากคอลัมน์ ของคุณวิเชียร พรมทุ่งค้อ”แสนยานุภาพทางอากาศ ของม่านเมฆ” ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ของสงครามเชิงพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน ซึ่งประมาทไม่ได้เพราะเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และมีโอกาสลามถึงนานน้ำทะเลใต้ใกล้ประเทศไทย หากติดตามดูความเคลื่อนไหวระยะนี้ จะเห็นพ้องว่ากระแสคุกรุ่นของสงครามเชิงพื้นที่ใกล้บ้านเราเข้ามาทุกที สอดคล้องกระแสการเมืองลงถนนของนักศึกษาไทยถูกโหมกระพือ ภาครัฐและภาคประชาชนต้องตั้งสติ ไม่ตกเป็นเหยื่อสงครามแย่งชิงของมหาอำนาจ เมื่อทุกฝ่ายบีบคั้นกันย่อมกระทบไทยอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
สหรัฐเล่นบทถนัด-ขายอาวุธมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามเป้า
ความขัดแย้งเขม็งเกลียวมากขึ้นระหว่างประเทศจีน และไต้หวัน เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ อเล็กซ์ อาซาร์ ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของอเมริกาที่ไปเยือนไต้หวันในรอบ 40 ปี ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความโกรธเกรี้ยวให้แก่จีน ซึ่งแถลงดุดันว่า นี่เป็นภัยคุกคามต่อ “สันติภาพและเสถียรภาพ” ของช่องแคบไต้หวันและไม่เคารพบูรณภาพเหนือดินแดนของจีนเดียว จีนพร้อมดำเนินการที่เหมาะสมอย่างถึงที่สุด
ในที่สุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ประกาศแผนการขายเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-16 จำนวน 66 ลำให้แก่ไต้หวัน มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (250,000 ล้านบาท) และลงนามสัญญาส่งมอบเมื่อง 14 ส.ค.2563
ไต้หวันเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ท้ารบ
ประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ของไต้หวัน วางพวงหรีดและโค้งคำนับแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานบนเกาะจินเหมิน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเซียะเหมิน ในมณฑลฝูเจี้ยนของจีนไม่กี่กิโลเมตร เพื่อรำลึกถึงวาระครบรอบปีที่ 62 ของการเริ่มต้นวิกฤติช่องแคบไต้หวันครั้งที่ 2
นายเบรนท์ คริสเตนเซน หัวหน้าสถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของสหรัฐประจำไต้หวัน เข้าร่วมในพิธีในวันนี้ด้วย โดยเขายืนอยู่ด้านหลังประธานาธิบดีไช่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าสหรัฐให้การสนับสนุนไต้หวัน สหรัฐไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวันแต่เป็นผู้จำหน่ายอาวุธรายใหญ่ให้กับไต้หวัน เหตุการณ์ปะทะกันทางทหารครั้งใหญ่ระหว่างไต้หวันกับจีนในครั้งนั้น ไต้หวันตอบโต้จีนโดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ซึ่งส่งอาวุธที่ทันสมัย เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานไซด์ไวน์เดอร์ ให้กับไต้หวัน วิกฤติการณ์ดังกล่าวยุติลงโดยต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกัน สำหรับเมืองจินเหมิน ขณะนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไต้หวัน
ไต้หวันรับมอบและโชว์อาวุธที่ซื้อจากสหรัฐอวดจีน
เครื่องบินรุ่นไวเปอร์ เรียกว่า F316V หรือ Viper ซึ่งพัฒนาการสมรรถนะให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ จากการปรากฎโฉมเมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 โดยผลิตและพัฒนาขึ้นที่โรงงานล็อกฮีตมาติน (Lockheed Matin) เมืองกรีนวิลล์ มลรัฐเซาท์คาโรไลนา สหรัฐฯ
สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่าไต้หวันจะรับมอบเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 จำนวน 66 ลำจากสหรัฐฯ หลังทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันศุกร์ (14 สิงหาคม) ซึ่งถือเป็นดีลขายอาวุธล็อตใหญ่ที่สุดที่สหรัฐฯ ทำกับไต้หวันในรอบหลายปี
กล่าวคือสหรัฐส่งสัญญาณบอกจีนว่า พร้อมสนับสนุนไต้หวัน และคิดว่าอาวุธที่เคยใช้ในสงครามครั้งก่อนที่เกิดขึ่นระหว่างจีน-ไต้หวัน กรณีพิพาทช่องแคบไต้หวัน จีนยังไม่ชนะ ครั้งนี้ก็เช่นกันทำให้ไต้หวันยิ่งมีท่าทีแข็งกร้าวอย่างจงใจต่อจีน
ก่อนหน้านี้ไต้หวันได้ซ้อมโชว์อาวุธต่อสู้อากาศยาน และอาวุธยุทโธปกรณ์ภาคพื้่นดินอย่างเปิดเผย
การซ้อมรบของจีน-ไต้หวันเร่งสถานการณ์ทะเลจีนใต้เสี่ยง
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสรายงานว่า ในสัปดาห์นี้ จีนประกาศการซ้อมรบทางทะเลอีก 6 ครั้งในเวลาเกือบจะพร้อมๆ กัน โดยเน้นการซ้อมรบอีกหลายรอบในทะเลจีนใต้เนื่องจากสหรัฐที่จะมาแสดงตนในภูมิภาคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และการซ้อมรบหลายครั้งที่เกิดขึ้นยังประจวบเหมาะกับที่ไต้หวันเพิ่งทำการซ้อมรบเช่นกัน
สำนักบริหารความปลอดภัยทางทะเลของมณฑลกวางตุ้งกล่าวว่าการฝึกซ้อมครั้งล่าสุดจะจัดขึ้นนอกชายฝั่งทางใต้ของมณฑล ระหว่างวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.-วันเสาร์ที่ 29 ส.ค. ซึ่งมณฑลกวางตุ้งมีพื้นที่ติดต่อกับทะเลจีนใต้โดยตรงและยังเป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญคือเซินเจิ้น กว่างโจว รวมถึงฮ่องกงและมาเก๊า
ก่อนหน้านี้สำนักบริหารความปลอดภัยทางทะเลของไห่หนานได้ประกาศการฝึกซ้อมลักษณะเดียวกันนี้ที่นอกชายฝั่งของมณฑลในเวลาเดียวกัน ซึ่งไห่หนาน หรือเกาะไหหลำมีพื้นที่ใกล้เคียงกับกวางตุ้งและอยู่ในทะเลจีนใต้และประชิดกับเวียดนามที่มีกรณีพิพาทเรื่องน่านน้ำทะเลจีนใต้กับจีน
นอกจากนี้ ยังจะมีการซ้อมรบอีกสองครั้งทางตะวันออกของประเทศ แห่งแรกคือบริเวณในทะเลเหลืองซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 26 สิงหาคม และหน่วยยามฝั่งจะฝึกซ้อมที่นอกชายฝั่งมณฑลเหอเป่ยซึ่งจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน พื้นที่ทั้ง 2 แห่งมีบริเวณใกล้เคียงกับเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ในพื้นที่ใกล้เคียงกันคือทะเลป๋อไห่ก็จะมีการฝึกซ้อมอีก 2 ครั้งด้วย โดยการซ้อมรบจุดแรกจะมีขึ้นในวันจันทร์และวันอังคาร และการซ้อมรบอีกแห่งหนึ่งเป็นการซ้อมระยะยาวกินเวลาสัปดาห์จะสิ้นสุดในวันศุกร์
ก่อนหน้านี้ ไต้หวันเริ่มทำการซ้อมรบตั้งแต่มกราคม 2563 เป็นต้นมา และแสดงท่าท่แข็งกร้าวกับจีนยิ่งขึ้นเมื่อสหรัฐเปิดโผพร้อมขายและส่งอาวุธให้ไต้หวันโดยเร็ว ทั้งๆที่อนุมัติขายมาแล้วตั้งแต่ปลายปี 2562
น่านน้ำทะเลจีนใต้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเด่นชัด แต่ข้อสังเกตุบางประการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ นักธุรกิจไต้หวันและญี่ปุ่นก็เป็นที่น่าจับตา เพราะหากเกิดอะไรขึ้น น่านน้ำทะเลจีนใต้อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย และไทยต้องได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!
