เฟซบุ๊กอ้างปกป้องสิทธิพลเมืองในการแสดงความคิดเห็น แต่ไม่สนใจประเด็นอ่อนไหวที่ก่อผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรมในประเทศต่างๆ จึงถูกร้องเรียนทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชนหลายแห่งทั่วโลก ล่าสุดกรณีในไทย การปิดเฟซกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ที่เผยแพร่ข้อความยุยงปลุกปั่น ใส่ร้ายป้ายสี เป็นสิทธิและเป็นไปตามกฎหมายไทย และในประเทศสหรัฐเองเฟซบุ๊กก็ได้เคยปิดโพสที่ไม่เหมาะสมใช้ความรุนแรง แม้แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็โดนมาแล้ว เหตุใดจึงจะฟ้องร้องไทยในกรณีที่เหมือนกัน
ที่สหรัฐอเมริกา เฟซบุ๊กได้ตัดสินใจระงับโพสของประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อได้รับร้องเรียนว่าเป็นการให้ร้ายโดยไม่มีหลักฐานต่อกลุ่ม Black Lives’ Matter และได้ปิดเฟซของฝั่ง Black Lives’ Matter ที่ส่งเสริมความรุนแรง
สภาผู้แทนราษฎรของอินเดียส่งหมายเรียก ผู้บริหานเฟซบุ๊กเข้าชี้แจง ในวันที่ 2 ส.ค.2563 กรณีปล่อยเผยแพร่ข่าวปลอม ข่าวใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง โดยคณะกรรมการการข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยี ดำเนินการไต่สวนตามคำร้องของ พรรคการเมือง BJP ที่ร้องเรียนว่า เฟซบุ๊กเพิกเฉยปล่อยให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม และเรื่องราวที่ผิดศีลธรรมของประเพณีโดยไม่กลั่นกรอง อีกทั้งเมื่อร้องเรียนไปยังสำนักงานเฟซบุ๊กแล้วไม่มีการตอบรับแก้ไขแต่อย่างใด
องค์กร None of Your Business (NOYB) ซึ่งเป็นองค์กรพิทักษ์ข้อมูลส่วนบุคคลของออสเตรีย ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกำกับดูแลด้านข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (EU) ให้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัทเฟซบุ๊ก กูเกิล และแอร์บีเอ็นบี (Airbnb) และบริษัทด้านเทคโนโลยีรายอื่นๆ ของสหรัฐรวมกว่า 100 รายในข้อหาละเมิดกฎหมายของ EU ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เดือนตุลาคม 2562 ศาลสูงอียู(the European Court of Justice (ECJ) มีคำสั่งให้เฟซบุ๊กต้อง ปิดโพสที่ผิดกฎหมายทั่วโลก จากกรณีร้องเรียนที่ Ireland
เฟซบุ๊กประเทศไทย ต้องเคารพกฎหมายไทย
สื่อตะวันตกรายงานข่าวสัมภาษณ์โฆษกเฟซบุ๊กประเทศไทย ว่า เฟซบุ๊กเตรียมจะฟ้องร้องรัฐบาลไทยที่กดดันให้ปิดเฟสบุ๊คกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไทยและราชวงศ์ และประกาศจุดยืนจะปกป้องสิทธิเสรีภาพของพลเมืองเฟซบุ๊กอย่างถึงที่สุด ขณะที่ข้อเท็จจริงรัฐบาลไทยโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินและผู้เกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊ก รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส เพราะเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเรื่อง ความมั่นคง จนอาจสร้างความสับสนในสังคมไทย และกรณีที่แอดมินผู้กระทำความผิดอาศัยในต่างประเทศ ทางปอท.จะได้ประสานงานกับตำรวจ ตม.ต่อไปนั้น เมื่อปรากฎว่านายปวินและพวก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กในนามกลุ่มรอยัลลิสต์ มาเก็ตเพลสทำผิดกฎหมาย มีโทษระดับก่อการร้าย เหตุใดเฟซบุ๊กจึงถือเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลไทยทำไม่ถูกต้อง หรือเฟซบุ๊กจะแสดงจุดยืนเคียงข้างฝ่ายก่อการร้าย
กลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลสทำผิดกฎหมาย นำโดยนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นเท็จ และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งตรวจสอบแล้ว มีความผิดใน 6 ประเด็น
ประเทศไทยดำเนินการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง และถูกทำนองคลองธรรม
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยถึงการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ว่า ในรอบ 7 เดือนแรกของปี 2563 กระทรวงดีอีเอส ได้มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และประสานงานร่วมกับไอเอสพี จนนำไปสู่กระบวนการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน
รมว.กระทรวงดิจิทัล “ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งปิด หรือ ลบข้อมูลในเว็บไซต์ผิดกฎหมายไปแล้ว จำนวน 7,164 ยูอาร์แอล (วันที่ 23 ก.ค.63) จากจำนวนที่กระทรวงได้รับแจ้งทั้งสิ้น 8,715 ยูอาร์แอล และมีการส่งศาล 7,164 ยูอาร์แอล สำหรับการกระทำผิดส่วนใหญ่ที่ได้รับข้อมูลจากการแจ้งข้อมูลเข้ามา พบว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และมีช่องทางอื่นๆ บ้าง ดีอีเอส ได้ดำเนินการส่งข้อมูลให้กับ บก.ปอท. จำนวน 7,164 ยูอาร์แอล พร้อมพยาน หลักฐาน และคำสั่งศาล เพื่อดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย
กระทรวงได้เตรียมการในการดำเนินการต่อแพลตฟอร์มใดก็ตามในต่างประเทศที่ให้บริการคนไทย ทำธุรกิจในประเทศไทย ต้องเรียนรู้ที่จะเคารพกฎหมายไทย และให้เกียรติ และรับผิดชอบต่อความรู้สึกของคนไทยและสิ่งที่ประเทศไทยยึดมั่นยึดถือด้วย ด้านเรื่องความมั่นคง กระทรวงได้ขอความร่วมมือไปยังแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งทาง ยูทูบ ได้ดำเนินการตามที่ขอประมาณ 90% แต่เฟซบุ๊กดำเนินการเพียง 28% ส่งไป 4,676 เรื่อง ทางเฟซบุ๊กดำเนินการไป 1,316 เรื่อง จึงต้องสื่อสารยัง เฟซบุ๊ก ว่าเมื่อดำเนินการในเมืองไทยก็อยากให้ให้ความร่วมมือในการให้ความเคารพ มีความรับผิดชอบต่อสังคมไทย” นายพุทธิพงษ์ กล่าว