ศาสตราจารย์พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าเบื้องหลังเรื่องราว พิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตราชภัฏ ที่ชวนให้ซาบซึ้งใจอย่างมาก เพราะว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 เสด็จมาตั้งแต่ครั้งเป็นวิทยาลัยครู โดยมีรายละเอียดดังนี้
พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตราชภัฏกว่าสองล้านสามแสนคนแล้ว ผมเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจสี่วันติดต่อกันที่ ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ในงานสำคัญคือการรับพระราชทานปริญญาบัตรของบัณฑิตราชภัฏ
“คนของพระราชาข้าของแผ่นดิน“ทั่วภาคเหนือ หลายพันคน ก่อนนี้ในเดือนตุลาคมก็ไปงานรับพระราชทานปริญญาบัตรของราชภัฏภาคอีสาน และอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะไปงานรับพระราชทานปริญญาบัตรของราชภัฏภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี
ปกติแล้ว งานรับพระราชทาน หรือ งานรับประทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั้น เป็นงานของมหาวิทยาลัย จะมีเพียงนายกสภามหาวิทยาลัยและอธิการบดีเท่านั้นที่ต้องเข้าร่วมและถวายรายงาน แต่มีข้อยกเว้น ที่ต้องขอจารึกไว้ ก็คือ ในงานรับพระราชทานปริญญาบัตรของราชภัฏที่จัดขึ้นในทุกภาคของประเทศนั้น มีธรรมเนียมว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่กำกับดูแลมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งหลาย ต้องเฝ้าใกล้ชิดอยู่บนเวทีหลังพระที่นั่ง ทั้งต้องกราบบังคมทูลรายงานตนรับเสด็จ และอยู่ส่งเสด็จทุกวันด้วย
ที่น่าภูมิใจสำหรับชาวราชภัฏเราคือในหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ครั้งเป็นวิทยาลัยครูกัน ครั้งแรกคือในปี 2521 ครั้งทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จมาแทบทุกปี จนถึง ณปัจจุบัน เมื่อเสร็จงานพระราชทานที่เชียงใหม่เมื่อวานนี้ คือ 11 ธันวาคม 2563 นั้น ได้พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตราชภัฏทั่วประเทศไปแล้วกว่าสองล้านสามแสนคน !! ดร สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ ประธานดำเนินงานงานรับพระราชทานปริญญาบัตร ของราชภัฏทั้งมวล ชี้ว่า ตัวเลขที่เป็นทางการ คือ 2,360,387 คน
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้แก่บัณฑิตที่ส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานชาวบ้านในพื้นถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยแท้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ชาวมหาวิทยาลัยและโดยเฉพาะชาวราชภัฏ จักขอจดจำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใย พระวิริยะอุตสาหะที่ทรงกระทำมา 42 ปี ทรงยื่นปริญญาบัตรจากพระหัตถ์กว่าสองล้านสามแสนครั้งนับเป็นอะไรที่ต่อเนื่องยาวนาน และมีผลต่อพสกนิกรมากมาย จนเหลือจะคำนึง!
พวกเราจักขอน้อมเกล้ารับพระราชทานพระปรีชาญาณและพระราโชบายใส่ไว้ในเกล้าในกระหม่อม ด้วย และจะนำไปปฏิบัติต่อไปอย่างแข็งขัน สุดกำลังความสามารถตลอดไป
ที่มาเฟซบุ๊ก : เอนก เหล่าธรรมทัศน์ Anek Laothamatas