จากกรณีที่ เมื่อวานนี้ 19 ธ.ค. 63 อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมรอง ผบช.ภ.7 พร้อมทั้งผู้ว่าฯ จังหวัดสมุทรสาคร แถลงข่าวด่วนสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดสมุทรสาคร
มีการตรวจคัดกรองในกลุ่มแรงงานต่างด้าว จำนวน 1,192 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 516 ราย คิดเป็นร้อยละ 43 ของผู้ที่ได้รับการตรวจทั้งหมด
นอกจากนี้ยังพบผู้ที่ไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลอีกจำนวนหนึ่งในหลายจังหวัด ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 694 ราย ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ติดเชื้อที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ พร้อมสั่งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวทันที
ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพพลานามัยของประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคนี้อย่างใกล้ชิด และมีพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ล่าสุด ทางผู้ใช้เฟซบุ๊ก นันท์สกร นพรัตน์วิมล ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องสุดประทับใจที่ในหลวงพระราชทานรถตรวจโควิด-19 โดยระบุข้อความว่า
“#ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
#นี่คือของขวัญจากพระราชา ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล เพื่อคนไทยทุกคน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
#ถ้าไม่มีรถตรวจเชื้อ COVID-19 พระราชทาน จำนวน 2 คัน นี้ ที่ในหลวงพระราชทานให้ ลงพื้นที่ตรวจผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร เราจะไม่วันรู้เลยว่ามียอดผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการถึง 500 กว่าราย ใกล้เมืองหลวงของประเทศไทย เราคนไทยยังคงทำตัวสบายๆ อุ่นใจ กับตัวเลขผู้ติดเชื้อ 7 ราย เอาอยู่ ประมาท ลดการ์ดป้องกันตัวเอง รถตรวจเชื้อ COVID-19 พระราชทาน ทำให้ตรวจพบยอดภูเขาน้ำแข็งของผู้ต ดเชื้อจำนวน 500 ราย และยังรอผลการยืนยันอีกเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่มีรถตรวจเชื้อ COVID-19 สองคันนี้ พวกเราคนไทย ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ?
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
#นาคราช
นายนันท์สกร นพรัตน์วิมล”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย “ต้นแบบ” จำนวน 1 คัน เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 เพื่อให้กรมควบคุมโรคทดลองใช้ และนำมาพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่อมา วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 พระราชทาน “รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน” เพิ่ม 13 คัน ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ในการตรวจค้นหา คัดกรอง เก็บตัวอย่าง โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง เป็นการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค
