จตุพรถลกประชาธิปเจ๊ในพท. แฉเคยพบมานั่งร้องไห้ที่ทษช.!ย้อนเหตุลต.ซ่อมเชียงใหม่

5415

จากที่จตุพร ไปช่วยหาเสียงบุญเลิศ ลงชิงนายกอบจ.เชียงใหม่ นำมาซึ่งถูกโจมตีและขับไล่ให้ลาออกจากประธานนปช. ต่อมาเจ้าตัวออกมาแฉถึงอิทธิฤทธิ์เจ๊ที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยพัง พร้อมทั้งเรื่องราวเบื้องหลังต่างๆที่ก่อไว้อย่างน่าติดตาม

ล่าสุดนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้กล่าวในเฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ “ระบอบติ่ง กับตำแหน่งประธาน นปช.ตอน 2” ถึงเรื่องดังกล่าวไว้บางช่วงที่น่าสนใจว่า หลักฐานที่พรรคเพื่อไทยนำมาแสดงว่า นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ คือ รูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า วันเปิดตัวสาขาพรรคที่เชียงใหม่ โดยนายบุญเลิศไปร่วมยินดีในฐานะมารยาทของ นายก อบจ.เชียงใหม่ตามปกติ

“ถ้านำรูปถ่ายมากล่าวหากันแล้ว ตนมีตัวอย่างหนึ่งเมื่อช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปตรวจงานที่ จ.สุรินทร์ โดย ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ไปต้อนรับในฐานะ ส.ส. ยังถูกกล่าวหาว่า เขาทรยศ ทั้งที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากการต้อนรับคนเห็นต่างในการทำหน้าที่ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง

ส่วน ร.อ.ธรรมนัสนั้น เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยปี 2557 อันดับที่ 55 ก็มีภาพถ่ายกับพรรคเพื่อไทยแทบทุกคน ซึ่งช่วงนั้นพรรคยกย่องว่า เขาเป็นคนดี แล้วกล่าวหาเป็นคนไม่ดีเมื่อไปอยู่กับพลังประชารัฐ ซึ่งวิธีการยัดเหยียดแบบนี้มันง่ายกับระบอบติ่งเพื่อไทยอย่างยิ่ง”

นายจตุพร ย้ำว่าตรรกะเช่นนี้พรรคเพื่อไทยชี้แจงไม่ได้เลย การกล่าวอ้างว่ามีระบบสรรหานั้น ตนไม่เชื่อ ถ้ามีการสรรหาอย่างเป็นระบบที่เชียงใหม่แล้ว ถ้าอ่านสำนวนตรวจสอบคดีบอส กระทิงแดง ของนายวิชา มหาคุณ เพียงไม่กี่หน้าก็เห็นตัวตนอยู่แล้ว แล้วพรรคเพื่อไทยละเลยเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

“ตลอดเวลาต่อสู้กับเรื่องอยุติธรรมที่มีอยู่เต็มไปหมด หากวันหนึ่งมาสงสัยในเรื่องความอยุติธรรมแล้ว พรรคยังกล้าเห็นด้วยอยู่หรือ อีกอย่างเสื้อแดงพังลงส่วนสำคัญมาจากพรรคไปจัดการขบวนการประชาชนแบบนักการเมือง แบบนักเลือกตั้ง ไม่ใช่แบบนักต่อสู้ จึงทำให้ปี 2557 แพ้ราบคาบ

ถ้าเห็นด้วยกับแนวทางคดีบอสที่ทำลายกระบวนการยุติธรรมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็แสดงถึงคุกมีไว้ขังเฉพาะคนจน แปลว่าตนเป็นนักประชาธิปไตยหรือไง พรรคเพื่อไทยเอาใครก็ได้และตนต้องสนับสนุนหรือ หรือพรรคเพื่อไทยทำอะไรกับใครก็ได้ ผมต้องสนับสนุนหรือ ผมมาอยู่ช่วงปลายของชีวิตแล้ว รู้ผิดชอบชั่วดี เห็นอะไรมามากกว่าที่พูดเยอะ เพียงแต่เลือกพูดโดยการรักษาน้ำใจ

ผมเห็นสถานการณ์อย่างนี้มาตลอดว่า เจ๊ชี้อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นผมจึงบอกว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ เพราะพังกับเจ๊ทุกครั้งสุดซอย (พรบ.นิรโทษกรรม) ผมพบเจ๊ภายหลังในสถานที่เป็นที่ทำงานพรรคไทยรักษาชาติช่วงนั้นก็มาร้องห่มร้องไห้กันไม่ใช่หรือ

พร้อมย้ำว่า ความจริงไม่ควรจะมีปัญหาอะไรกันเลย ตอนที่เจ๊ถูกตัดสิทธิ์ พอมีสิทธิ์ขึ้นมาก็ให้ลูกน้องที่เป็น ส.ส.ไปลาออกโดยอ้างว่าขึ้นเครื่องบินไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องหู ต้องมาให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ตั้งให้เป็นรองนายก อบจ. เขาก็ทำให้ทุกอย่าง ซึ่งตนก็งงว่า มันคืออะไรกัน

ดังนั้น ไม่เข็ดหลาบกันบ้างหรือ ตนจึงบอกว่าขบวนการประชาชนมันควรแข็งแรง นอกจากไม่ไว้ใจแล้ว กลับเอา ส.ส.ไปจัดแทนแกนนำ แล้วให้แกนนำไปสัมพันธ์ส่วนตัว ระบบพังหมด สิ่งนี้จึงเห็นว่า ในวันที่มีอำนาจจึงให้หมด กลไกรัฐในตำแหน่งต่างๆ รับไปจัดให้หมดตามที่คุณขอมา ส่วนฝ่ายร่วมสู้ต้องต่อแถว ถึงสถานการณ์ปี 2557 ใครมันจะมาร่วมสู้ด้วย

สิ่งที่ต้องสื่อความกับพี่น้องทั้งหลาย รอให้ณัฐวุฒิออกมาก่อน และพ้นกำหนดการใส่กำไล ซึ่งสามารถพูดแสดงความเห็นได้แล้ว เราจะนัดพี่น้องกันว่า เราจะเอากันอย่างไร เพราะเรื่องราวมันคากันไว้มากมาย ผมไม่สนใจตำแหน่งแห่งหนอะไรเลยนะ”

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น นักจัดรายการทีวีไม่พูดถึงสักคำกับคดีบอส กระทิงแดง และไม่พูดถึงการตัดสินใจแบบประชาธิปเจ๊กันในพรรค จนพังกันแบบนี้หรือ ดังนั้น ถ้าจุดยืนประชาธิปไตยแข็งแรงแล้ว นัดกันมาสักวัน ซึ่งตนมั่นใจคำผกา มาทดสอบการจะเป็นนักพูดในสภาครั้งหน้าด้วย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อวันที่16 มี.ค.56 ได้มีกระแสข่าวลือสะพัดว่านายเกษม  นิมมลรัตน์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ลาออก เพื่อเปิดทางให้นางเยาวภา  วงศ์สวัสดิ์  หรือ เจ๊แดงลงสมัครแทน ขณะที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น เผยว่านายเกษม ลาออกจากตำแหน่งจริง โดยได้มีการแจ้งให้พรรคทราบแล้ว

วันที่ 17 มี.ค.63 นายเกษม ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดว่า เพื่อเป็นการเปิดทางให้นางเยาวภา แกนนำพรรคเพื่อไทย ภาคเหนือ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แทน เปิดเผยว่า การตัดสินใจลาออกครั้งนี้ไม่ได้มีแรงกดดันทางการเมือง แต่ต้องการทำงานเพื่อเมืองเชียงใหม่ ให้พัฒนาไปข้างหน้า และงานของท้องถิ่นเป็นงานที่ถนัดกว่า พร้อมกันนี้ยังได้ยอมรับว่ามีคนทาบทามให้ไปนั่งตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่

ต่อมาวันที่ 24 มี.ค. 63 นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมประชุมวางแผนการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่สำนักงานพรรคเพื่อไทยสาขาเชียงใหม่ โดยมีนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ แกนนำกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม เข้าร่วมประชุม

นายเกษมกล่าวด้วยว่า นางเยาวภาได้มอบหมายและแบ่งงานให้กับทีมงาน เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งซ่อม โดยมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้

“นางเยาวภา จะลงพื้นที่หาเสียงอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.เป็นต้นไป โดยทีมงานตั้งเป้าว่าได้เสียงสนับสนุน 85,000 คะแนนขึ้นไป เนื่องจากการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนางเยาวภา ได้รับคะแนนรวมกว่า 82,000 คะแนน” นายเกษม กล่าว