จากที่วันนี้ 16 กุมภาพันธ์ 2564 รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เดินทางไปอ่านจดหมายเปิดผนึกถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ให้ประกันตัว4แกนนำม็อบในคดีความผิดมาตรา 112
ทั้งนี้ น.ส.ปนัสยา เรียกร้องให้ผู้มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมมีความเป็นกลาง ในการพิจารณาและดำเนินคดีความ โดยพึงระลึกถึงประชาชนอยู่เสมอ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม และให้ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม ตามหน้าสถานที่ ดังนี้
1.ศาลรัฐธรรมนูญ 2.กระทรวงยุติธรรม 3.ศาลอาญารัชดา 4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5.สำนักนายกรัฐมนตรี โดยน.ส.ปนัสยา อ่านจดหมายเปิดผนึกบริเวณรั้วนอกศาลอาญารัชดา จากนั้นเข้ามายื่นหนังสือให้แก่เจ้าหน้าที่ศาลภายในศาลอาญา ให้ผู้อำนวยการประจำศาลอาญา เป็นตัวเเทนรับหนังสือดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปเริ่มอ่านจดหมายจากศาลรัฐธรรมนูญ ต่อด้วยกระทรวงยุติธรรม ก่อนมายังศาลอาญารัชดา และไปจุดสุดท้ายที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม น.ส.ปนัสยา แถลงการณ์ถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้มีการประกันตัว 4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร หลังจากนั้นได้เข้ามายื่นหนังสือ โดยมี น.ส.ชวัลนาถ ทองสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้รับมอบ
ภายหลังยื่นหนังสือและอ่านแถลงการณ์แล้ว น.ส.ปนัสยา ได้เปิดเผยด้วยว่า อยากให้ศาลรับทราบและให้ความสำคัญว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษา การปฏิบัติของศาลจะทำเหมือนกับว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดไม่ได้ จะให้ถูกขังระหว่างพิจารณาคดี ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุดไม่ได้ ต้องให้สิทธิประกันตัวเช่นเดียวกับคดีอื่นๆ ในประเทศนี้ แม้แต่คดีฆ่าคนโดยเจตนายังได้รับการประกันตัว
“ดังนั้นในคดีการเมืองก็ต้องได้รับประกันตัวเช่นกัน ในวันนี้ที่เราเดินทางไปทั้ง 5 แห่ง เพราะเป็นสายธารของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเห็นภาพได้ชัดเจน อย่างมาที่ศาลอาญา เพราะว่าคดีนี้เป็นคดีอาญาและมีคำสั่งไม่ให้เพื่อนเราได้ประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุที่จะต้องเดินทางไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า เกี่ยวกับนโยบายในการจัดการกับผู้ชุมนุม ซึ่งนโยบายต้องมาจากรัฐบาล ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องตรงที่กระบวนการทางการกฎหมายจะเริ่มที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนเป็นที่แรก เริ่มตั้งแต่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา หรือมีการใช้อำนาจเกินขอบเขต
เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมที่ผ่านมา ซึ่งเกินไปจากการควบคุมดูแลของเรา น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ขอโทษอย่างจริงใจกับผู้ชุมนุมที่เราไม่สามารถดูแลสถานการณ์ได้ ซึ่งเหนือความคาดหมายมากจริงๆ แต่หลังจากนี้ยืนยันให้ความเชื่อมั่นว่าจะดูแลพวกเราทุกคนเป็นอย่างดี ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) ตนมีคดีความและอาจจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่าคนที่เหลือพร้อมจะทำหน้าที่เพื่อให้กระบวนการเคลื่อนไหวของเราไปสู่จุดหมายในที่สุด โดยที่จะไม่มีใครเจ็บตัวหรือเจ็บตัวให้น้อยที่สุด อันนี้คือความปลอดภัยของผู้ชุมนุม
และสุดท้ายเมื่อถามว่าการมายื่นหนังสือครั้งนี้เป็นการกดดันศาลหรือไม่ น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นการมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมตามขั้นตอนปกติ ไม่ได้เป็นการกดดันศาลแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวในความคิดของรุ้ง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเข้าเรือนจำครั้งแรก โดยมีการเปิดเผยจากบีบีซีไทย – BBC Thai ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และพี่สาว เมย์ เมธาวี สิทธิจิรวัฒนกุล ถึงเรื่องราวชีวิต ครอบครัว และการเป็นนักเคลื่อนไหว แกนนำกิจกรรมทางการเมือง จนนำมาซึ่งการถูกแจ้งข้อหา ดำเนินคดี โดยการพูดคุยดังกล่าวนี้มีเรื่องราวที่ต้องการบอกว่าให้แง่คิด ในมุมมองหลายมิติ โดยเฉพาะมิติครอบครัว!!!
ทั้งนี้บีบีซีไทย จั่วหัวข่าวไว้ว่า พี่สาวรุ้ง-ปนัสยา เล่าเรื่องน้องคนเล็กที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ ก่อนจะโปรยเนื้อหาข่าวไว้บางช่วงว่า
“การเข้าเรือนจำมันก็แย่มาก ๆ มันแตกสลายมาก ๆ อยู่แล้ว เราหวังว่ามันจะไม่ถึงวันนั้น” พี่สาวของรุ้ง-ปนัสยา กล่าว
เมย์ – “การเข้าเรือนจำมันก็แย่มาก ๆ มันแตกสลายมาก ๆ อยู่แล้ว เราหวังว่ามันจะไม่ถึงวันนั้นช่วงแรกๆพ่อแม่เครียด หลายคนกังวล เริ่มถลำลึกเกินไปแล้ว มีครั้งนึงน้องร้องไห้คุยกับเมย์ ตอนน้องเข้าเรือนจำ ทำให้พ่อแม่เข้มแข็งขึ้นมากๆ เหมือนเขาทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้องกลับมา”
รุ้ง – “แม่ก็พูดตลอดว่า อ้างอะไรก็ได้ โดนคดีก็ได้ แต่อย่าเข้าคุก แต่เราเข้าคุก มันถอยกลับไม่ได้แล้ว สภาพมันบังคับต้องไปต่ออย่างเดียว
ตอนแรก กลัวมาก กลัวออกมาไม่ทันงานหมั้นพี่เมย์ งานขอแต่งพี่เมย์ พอถึงช่วงที่เราเห็นพี่เมย์โดนขอแล้ว เราพอใจแล้ว กลัวออกมาไม่ทัน กลัวกลับเข้าไปอีกรอบ”
และหากย้อนไปเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2563 ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ข้อความลงในโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาว่า เรื่องใหญ่ที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์คือ รุ้ง สารภาพเองว่าเพิ่งรับโพยเรื่องข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ 10 ข้อของอาจารย์สมศักดิ์เจียม ก่อนขึ้นพูดบนเวทีธรรมศาสตร์รังสิตในค่ำวันที่ 10 สิงหาคม 2020 เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
“เรียกว่า ตกกระไดพลอยโจนโดยเต็มใจ ผมมีคำถามที่อยากทราบคำตอบจากรุ้งนะว่า … ใครคือคนบงการที่อยู่เบื้องหลังยื่นโพยยัดใส่มือรุ้งให้ออกไปเรียกร้องข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ 10 ข้อ เพราะนี่คือ ไอ้โม่งตัวจริง ซึ่งผมมองว่ามีหลายคนสุมหัวกันใช้เด็กบังหน้า”
นั่นคือเรื่องราวของแกนนำม็อบในวัย 23 ปีที่กำลังจะเดินกลับเข้าคุก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้ หรือวันไหน ก็น่าพิจารณาเห็นใจเพราะคดีความที่ถูกแจ้งข้อหานั้นมากมาย โดยเฉพาะความผิด ตามมาตรา 112 ที่เบื้องต้นโดนไปแล้ว 9คดีอย่างน้อยหากถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริงโทษในคดีนี้อย่างน้อย 3 ปีเลยทีเดียว