เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ค.ซึ่งระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทรุดตัวลงอีก และจะนำไปสู่ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ มีแนวโน้มอันตรายต่อระบบการเงินทั้งระยะกลางและระยะยาว
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve (System) หรือ Fed)เปิดเผย รายงานการประชุม วันที่ 28-29 ก.ค.2563 ของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ระบุว่า การแพร่ระบาดไวรัสสายพันธ์ใหม่โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐมาก ยับยั้งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มอันตรายต่อระบบการเงินสหรัฐ แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ใกล้ศูนย์เปอร์เซนต์ เพราะเศรษฐกิจยังโตช้ากว่าก่อนการระบาด
วิกฤติสาธารณสุขครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะใกล้มาก และมีความเสี่ยงต่อระยะกลางด้วย
นอกจากมีความกังวลต่อผลกระทบ การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วไปแล้ว ยังกังวลมากต่อความเสี่ยงต่อระบบการเงิน หากการระบาดยังคงอยู่และเกิดเหตุวิกฤติอื่นๆในอนาคต นอกจากนี้ความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของสหรัฐที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ คือขณะนี้สหรัฐฯมีหนี้สาธารณะจำนวน 26.6 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มจากเดิมถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงการระบาดไวรัส และสภาคองเกรสออกมาตรการเยียวยาในรอบแรกไป แต่อาจมีแนวโน้มใช้ traditional QE มาดูแล
อย่างไรตาม เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแม้มีความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้จะมีการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ “Navigating the Decade Ahead: Implications for Monetary Policy” ซึ่งถือเป็นการปรับรูปแบบการประชุมครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทุกฝ่ายยังต้องติดตามตัวเลขที่จะประกาศเกี่ยวกับดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ ยอดขายบ้านมือสอง เป็นต้น เพื่อประเมินว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะดิ่งลึกระดับไหน
https://www.cnbc.com/2020/08/19/fed-minutes.html
