อัษฎางค์ กระชากหน้ากาก ม็อบคณะราษฎร ย้ายไปสำนักงานใหญ่ SCB เป้าหมายคือ พระมหากษัตริย์

3279

อัษฎางค์ กระชากหน้ากาก ม็อบคณะราษฎร ม็อบย้ายไปสำนักงานใหญ่ SCB เป้าหมายคือ พระมหากษัตริย์ ยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้น นำไปสู่สงครามกลางเมือง

จากกรณีที่กลุ่มคณะราษฎร ได้ประกาศว่าจะมีการชุมนุมใหญ่บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ชุมนุม โดยประกาศว่าจะไปชุมนุมที่สำนักงานใหญ่ SCB ในเวลา 15.00 น. โดยอ้างว่าเพื่อลดการปะทะจากม็อบจัดตั้ง 

ล่าสุดทางด้าน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร โดยระบุข้อความว่า

“ใช้ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว”
คือสุดยอดกลยุทธ์
ม็อบทรราษฎร์ เริ่มต้นด้วยการอ้างว่า ต่อต้านเผด็จการเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ความจริงที่ปิดเอาไว้คืออะไรเรารู้กันดี ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป ความเหิมเกริม ก็ทำให้หน้ากากค่อยๆ หลุดออกมา ในที่สุดค่อนข้างจะเรียกว่าเปิดหน้ากากกันแล้วยังได้ การพุ่งเป้าไปที่สำนักทรัพย์สินฯ เรื่องภาษี ต่างๆ นาๆ นั้นชัดเจนอยู่แล้วว่า เป้าหมายคืออะไร
ล่าสุดที่ประกาศจะเดินทัพไปที่สำนักทรัพย์สินฯในวันนี้ ก่อนจะเปลี่ยนไปที่สำนักงานใหญ่ของ SCB ยิ่งชัดเจนว่า เป้าหมายคือ พระมหากษัตริย์
………………………………………………………………….
จุดประสงค์หลักของไอ้โม่งที่เป็นหัวโจกตัวจริงชองขบวนการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นชัดเจนตั้งแต่ต้น แต่ตอนแรกไม่กล้าที่จะออกตัวแรง แต่ใช้วิธีลุกที่ละก้าวสองก้าว แต่ตอนนี้จะบอกว่าเปิดหน้ากากแล้ว หรือความเหิมเกริมทำให้หน้าการหลุดออกมาก็ตาม แต่นักเรียน นักศึกษาและประชาชนในกองทัพต่อต้านสถาบันฯ ก็ยังไม่รู้ตัว หรือไม่ยอมรับอยู่ดีว่า กำลังต่อต้านสถาบันฯ
ไอ้โม่งหัวโจกค่อยๆ ผลักให้ม็อบปีนบันไดตามการกลยุทธ์ของการก่อม็อบ ที่เริ่มต้นด้วยการยั่วยุให้เกิดความโกรธแค้นทั้งฝ่ายม็อบและฝ่ายตรงข้ามม็อบ และมีบันไดขั้นสุดอยู่ที่การสร้างวุ่นวายหรือการสร้างสงครามกลางเมืองให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
วันนี้ 25 พฤศจิกายน อาจถึงวันที่ไอ้โม่งหัวโจกรอคอย เมื่อปีนมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เพราะแสดงเป้าหมายออกมาชัดแจ้งแล้วว่า ม็อบจะเดินไปสู่สิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นตัวแทนของสถาบันฯ ซึ่งก็คือสำนักงานทรัพย์สิน และสำนักงานใหญ่ SCB เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้ว่า ความหวังสุงสุดของม็อบคือ การสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่สงครามกลางเมือง แล้วเราจะทำยังไง
………………………………………………………………….
ผมจะลองชี้ให้ดู ลองตามกันมา…
เมื่อไฟกำลังไหม้ เราจะเอาไฟโหมเข้าไปหรือ…
ใช้น้ำดับไฟ
เราจะใช้น้ำดับไฟใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้น หยุดระดมพลเพื่อเอาม็อบชนม็อบ
เราอาจรู้สึกอึดอัดว่ารัฐ ดูเหมือนนิ่งเฉย ทำงานช้า ไม่ทันม็อบ
แต่ลองทำใจนิ่งๆ แล้วค่อยๆ คิด
รัฐอาจกำลังใช้น้ำดับไฟ
ที่เราเห็นว่ารัฐทำเหมือนนิ่งเฉย รัฐอาจรู้หลายอย่างที่เราไม่รู้ และรัฐไม่กล้าเอยปาก
หนึ่งในเรื่องดังกล่าว คือ ภัยมืดเพื่อการรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศอภิมหาอำนาจ ที่ปัจจุบันแอบให้การสนับสนุนม็อบและนักการเมืองที่กระหายอำนาจอย่างลับๆ
โดยที่ประเทศอภิมหาอำนาจเหล่านั้นกำลังนอนรอเวลาที่สุกงอม เมื่อสงครามกลางเมืองปะทุ ก็คือเวลาของตำรวจโลกที่จะเข้ามารักษาความสงบ
ทั้งที่ความไม่สงบในประเทศนั้นเกิดจากฝืมือของตำรวจโลก ที่เล่นมุกเดียวกับตำรวจไทย คือยัดของกลางใส่มือผู้บริสุทธิ์เพื่อยัดข้อหาโจร
เมื่อไฟกำลังไหม้
เราจะใช้น้ำดับไฟใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้น หยุดระดมพลเพื่อเอาม็อบชนม็อบ
………………………………………………………………….
ถ้าเราอาจรู้สึกอึดอัดว่ารัฐ ดูเหมือนนิ่งเฉย ทำงานช้า
ลองมองสูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปที่จุดสูงสุด
นั้นคือ สถาบันพระมหากษัตริย์
สถาบันพระมหากษัตริย์ที่โดยกระทำด้วยความหยาบช้าอย่างสุดที่จะทนในความรู้สึกของเรา กลับนิ่งยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
สังเกตุหรือไม่ว่าในหลวงรัชการก่อนและรัชการปัจจุบัน มีพระราชปรารถเดียวกันทุกประการคือไม่ให้ใช้ ม.112 ด้วยเหตุผลใดลองพิจารณากันดู
จริงอยู่ว่าเราผู้เป็นพสกนิกรนั้นเหลือจะอดแล้วจริงๆ แล้วอาจถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้แข็งบ้าง
ซึ่งเมื่อตัดสินใจกันแล้วว่าจะใช้ไม้แข็ง ด้วยการบังคับใช้กฎหมายทุกหมายตรา เราก็ควรให้เป็นไปตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ
ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเข้าสู่ศาล แล้วปล่อยให้ศาลทำตามกฎหมาย
………………………………………………………………….
สิ่งที่เราผู้ซึ่งเป็นประชาชนผู้หวังดีต่อชาติควรทำคือ ดูแลลูกหลานคนในครอบครัวให้ดี ครอบครัวใครครอบครัวมัน
ด้วยการ”เอาความจริงออกมา” ตามกระแสพระราชดำรัสของในหลวง
ทำความจริงให้ปรากฎ เบิกเนตรให้ลูกหลานและคนในครอบครัว
อย่าปล่อยให้ผู้ไม่หวังดีต่อชาติและตัวเรา แหกตา ด้วยคำว่าเบิกเนตร
ผมขอย้ำว่า อย่าเอาม็อบชนม็อบ อย่าเอาไฟไปดับไฟ
ตั้งสติ แล้วสติจะเกิด
อย่าเอาไฟไปดับไฟ คือการโหมให้ไฟไหม้ไม่หยุด สุดท้ายบ้านเมืองจะเหลือแต่ซาก
โปรด…ตั้งสติ
………………………………………………………………….
เคยเห็นเด็กเกเร งอแง อาละวาดใช่มั้ย
วิธีปราบเด็กงอแง คือปล่อยให้มันงอแงไป
เดี๋ยวมันก็เบื่อหรือเหนื่อยไปเอง
อย่าไปตามใจ หรือทำตามที่มันเรียกร้อง
ให้มันเรียนรู้ว่า…
ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ
………………………………………………………………….
อัษฎางค์ ยมนาค