สืบเนื่องจากกรณีที่ดร.สมเกียรติ โอสถสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าถึงสถานการณ์หลังจากนี้ของสหรัฐฯ ภายหลังที่เข้าไปมีบทบาทในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
โดยระบุว่า “โจ ไบเดน” กับสถานการณ์ที่สหรัฐฯต้องเผชิญ ระบุว่า เตือนท่านไบเดนครับ อเมริกาจะขาดอาหารปลายปีนี้แน่นอน เพราะปุ๋ยขาด ปุ๋ยแพงมากเกษตรกรไม่มีเงินและเครดิตลงทุนซื้อปุ๋ย ด้วยเหตุนี้ข้าวสาลีฤดูใหม่จึงโตช้ากว่าปกติถึงสามในสี่ วัดความสูงต้นข้าวดูได้เลย และหากยังมัววุ่นสงคราม ประชาชรบ้านตัวเองจะเดือดร้อนหนัก
และท่าทีของสหรัฐฯ ก็เริ่มส่งสัญญาณชัดมากขึ้น เมื่อรัฐมนตรีคลังออกมาแถลงถึงสถานการณ์ในประเทศ ว่ารัสเซียคือต้นตอที่ทำให้อาหารโลกขาดแคลน โดยประชากรสหรัฐฯ บางส่วน ก็เริ่มตระหนักถึงข้อนี้แล้ว
ล่าสุดดร.สมเกียรติ โอสถสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ส่งสัญญานเลิกแซงชั่นรัสเซีย อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะปั่นไว้เยอะ ปลุกระดมไว้เยอะกลัว เสียหน้า ทำไมไม่คิดเลขก่อนทำ ตลกมาก
ขณะที่มีสื่อต่างชาติรายงานด้วยว่า สหรัฐฯ เตือนยุโรปแบนพลังงานรัสเซียเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจหลังราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด มาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียของยุโรป อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยไม่ตั้งใจ จากคำเตือนของเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) แม้ที่ผ่านมา อเมริกาพยายามกดดันชาติยุโรปยุติการพึ่งพาพลังงานจากมอสโก ลงโทษกรณีรุกรานยูเครน
บรรดาชาติหลัก ๆ ของยุโรป ในนั้นรวมถึง เยอรมนี เผชิญเสียงเรียกร้องให้หยุดซื้อพลังงานจากรัสเซีย เพื่อตัดแหล่งรายได้สำคัญสำหรับการทำสงครามของรัสเซีย ตอบโต้กณีรุกรานยูเครน ซึ่งทำให้ประชาชนต้องอพยพหลบหนีภัยสงครามแล้วมากกว่า 5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังพบปะกับ เดนีส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน และเซอร์กีย์ มาร์เชนโก รัฐมนตรีคลังยูเครน ในวอชิงตัน นางเยลเลน บอกว่ามาตรการแบนดังกล่าวท้ายที่สุดแล้วอาจก่อผลร้ายมากกว่าเป็นเรื่องดี “ชัดเจนว่ายุโรปจำเป็นต้องลดพึ่งพิงรัสเซียในแง่ของพลังงาน แต่เราจำเป็นต้องระมัดระวัง ครั้งที่เราคิดเกี่ยวกับกรณีที่ยุโรปจะแบนนำเข้าน้ำมันโดยสิ้นเชิง”
แม้ว่าที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯ พยายามจะแสดงออกถึงท่าทีหนุนยูเครน แต่ก็ยังมีความเกรงกลัวอำนาจปูติน เพราะมีรายงานข้อมูลว่าสหรัฐฯ ยังต้องการสานสัมพันธ์กับรัสเซียในด้านอื่น ๆ ไว้อยู่ จึงไม่อยากให้การช่วยเหลือยูเครน ดูโจ่งแจ้ง หรือหนุนอย่างเต็มกำลังมากเกินไป ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เมื่อสหรัฐฯ กำลังจะได้รับผลกระทบทั้งชาติ จึงจำเป็นต้องกลับลำยอมถอย ลดบทบาทการแซงชั่นทีละน้อย เพราะก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้โจมตีปูตินทุกทางอย่างเจ็บแสบด้วย