จีนกร้าวสั่งนาวิกโยธินพร้อมรบ?!? สหรัฐส่งทีมต้านจีนกล่อมอาเซียน ขณะไทยชุมนุมถี่ ทำทะเลจีนใต้ระอุ

3853

ท่าทีกร้าวทางทหารของปธน.สี จิ้นผิงมีขึ้นหลังความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐทวีความตึงเครียด เมื่อสหรัฐและไต้หวันใกล้ชิดกันซื้อขายอาวุธกันอย่างคึกโครม และลามมาถึงย่านทะเลจีนใต้ที่สหรัฐส่งทีมสี่พันธมิตรควอทเดินสายต้านจีนอย่างเปิดเผยในเอเซีย-แปซิฟิก ทางการทูตจีนส่งหวัง อี้เยือนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทยเพื่อกระชับสัมพันธไมตรี ทางทหารแสดงท่าทีไม่ยอมจำนนสั่งนาวิกโยธินเตรียมพร้อมสู้ศึก สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศอาเซียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดไปด้วย ขณะที่ในไทยมีความพยายามซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองโลกด้วยข้อเรียกร้องอ่อนไหว จะเปลี่ยนแปลงระบบ คุกคามสถาบันอย่างเปิดเผย ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันแบบไม่อาจปฎิเสธความเกี่ยวโยงได้เลย โมเดลฮ่องกง-ไต้หวัน-ประเทศไทย กำลังทำงาน รัฐบาลต้องรับมือให้เร็ว ประชาชนไทยต้องรู้เท่าทัน

กลิ่นสงครามเชิงพื้นที่ทำทะเลจีนใต้เสี่ยง

ก่อนหน้าเยือนซัวเถา,มลฑลกวางตุ้ง จีนขยับเตรียมการทหารทางทะเลอย่างชัดเจน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเข้าตรวจกองทหารนาวิกโยธิน พร้อมสักเฉียบขาด “มุ่งสู่การเตรียมพร้อมรบฝึกสมรรถภาพการรบขั้นสูงสุด” สื่อโกลบอลไทมส์รายงานจากแหล่งข่าวหน่วยป้องกันทางทะเลของจีนในการตรวจการณ์ของประธานาธิบดีที่ ทะเลโบไฮ ทางตอนเหนือของจีน การซ้อมรบครั้งนั้นไม่อนุญาตให้เรือสินค้าเข้ามาในบริเวณน่านน้ำ

ต่อมาเมื่อวันอังคาร(13 ต.ค.2563)ก่อนที่ปธน.สีจะไปร่วมงานฉลอง 40 ปี ที่เซินเจิ้น ได้ไปเยือนซัวเถา,กวางตุ้ง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ในระหว่างตรวจเยี่ยมกองนาวิกโยธิน ได้กล่าวกำชับให้ยกระดับความสามารถในการต่อสู้ให้เข้มข้น “จงสร้างพลังแห่งการสู้รบด้วย ทหารที่แกร่งกล้าและเปี่ยมสติปัญญา”

รายงานของสื่อสะท้อนว่า “จีนส่งสัญญาณพร้อมรบในทุกความขัดแย้งทางทหารที่อาจเกิดขึ้นได้” ไม่ว่าจะเป็นสนาม “ทะเลจีนใต้”, หรือ “ไต้หวัน” ซึ่งจีนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนเช่นเดียวกับฮ่องกง

ปธน.สีกระตุ้นกองทัพเรือให้ “เตรียมความพร้อมสูงสุด” และเน้นการฝึก “กระบวนวิธีสู้รบและ การสู้ปะทะ”อย่างต่อเนื่องจริงจัง

จีนพร้อมชน-กองทัพเรือต้องพร้อมในทุกแนวรบทางทะเล

คำสั่งของปธน.สี จิ้นผิงที่เดินทางเยือนฐานทัพเรือใกล้กับเมืองซัวเถา ระหว่างลงพื้นที่เยือนมณฑลกวางตุ้งทางตะวันออกของประเทศเป็นเวลา 2 วัน ตอกย้ำความตึงเครียดแนวสู้รบทางทะเล โดยระบุว่ากองทัพเรือต้องเป็นกองกำลังที่ทำได้หลากหลาย สามารถตอบสนองได้รวดเร็ว ปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกที่

“พวกคุณควรเตรียมจิตใจและพลังงานให้พร้อมสำหรับการเข้าสู่สงคราม และต้องรักษาความตื่นตัวในขั้นสูงสุด…กองทัพเรือมีหลากหลายภารกิจ และคำสั่งที่พวกคุณจะได้รับก็แตกต่างกันออกไป ดังนั้นพวกคุณควรฝึกให้พร้อม กองทัพเรือต้องรับผิดชอบภารกิจสำคัญยิ่งในการปกป้องดินแดนและอำนาจอธิปไตย รวมทั้งผลประโยชน์ของกองทัพเรือและผลประโยชน์ในต่างแดน”  คำพูดเหล่านี้ถูกตีความว่าเป็นการเอ่ยถึงไต้หวันและทะเลจีนใต้

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยว่า จีนจะตอบโต้กรณีที่สภาคองเกรสของสหรัฐกำลังพิจารณาข้อตกลง 3 ฉบับที่สหรัฐจะจัดหาอาวุธล้ำสมัยให้ไต้หวัน “สหรัฐต้องยกเลิกแผนการขายอาวุธให้ไต้หวัน ยุติการทำข้อตกลงซื้อขายอาวุธ และตัดสัมพันธ์ทางการทหารทันที” 

ไต้หวันร้องขอสหรัฐ-นานาชาติช่วยปกป้อง

นายโจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน เรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยปกป้องไต้หวันจากภัยคุกคามทางทหารจากจีนที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และเกรงว่าขณะนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามขึ้นด้วย แต่ลืมพูดถึงท่าทีและพฤติกรรมของไต้หวันในการขยับแยกตัวจากจีนเริ่มตั้งแต่การแสดงแสนยานุภาพทางทหารอวดโลก เมื่อต้นปี 2020

“ไต้หวันอยู่ในแนวหน้าในการปกป้องประชาธิปไตยไม่ให้ถูกพรากไปจากจีนคอมมิวนิสต์” นายอู๋ กล่าว “เรารู้สึกว่าประเทศที่มีแนวคิดเดียวกันหรือประเทศที่เป็นประชาธิปไตยควรให้ความสนใจกับพื้นที่นี้มากขึ้น และช่วยกันและกัน เพื่อให้ความต้องการในการขยายอำนาจของจีนหยุดยั้งลง” พฤติกรรมของไต้หวันนับวันใกล้เคียงเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

จีนกริ้วสหรัฐส่งผู้นำระดับสูงเยือนไต้หวัน-คองเกรสอนุมัติขายอาวุธ

คีธ คร็อก ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ด้านเศรษฐกิจ จะเดินทางไปเยือนไต้หวัน(17 ก.ย.)เป็นเวลา 2 วัน นายอู๋ ให้ความเห็นอีกว่า การมาเยือนครั้งนี้ จะยิ่งทำให้มิตรภาพของสหรัฐและไต้หวันแน่นแฟ้นขึ้น ทั้งยังเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ความเห็นของนายอู๋สอดคล้องกับการเรียกร้องก่อนหน้านี้ของนางสาวไช่ อิง-เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ที่ต้องการให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันแสดงจุดยืนต่อต้านความก้าวร้าวของจีน ที่พยายามคุกคามไต้หวันทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ

ด้านโกลบอล ไทม์ส สื่อของรัฐบาลจีน ออกบทบรรณาธิการกล่าวโจมตีไต้หวันว่ากำลังทำลายความ สามารถทางทหารในเชิงยุทธศาสตร์ของจีนด้วยการเข้าข้างสหรัฐเต็มตัว ซึ่งยิ่งเพิ่มความขัดแย้งทางทหารให้เพิ่มขึ้น ทั้งยังระบุด้วยว่า การส่งรัฐมนตรีไปยังไต้หวันถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่ และจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวันหนักเข้าไปอีกแม้พรรคคอมนิสต์จีนไม่เคยปกครองไต้หวัน แต่รัฐบาลจีนก็มองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และกล่าวหาว่ารัฐบาลไต้หวันที่นำโดยนางสาวไช่เป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

ความตึงเครียดสูงสุด-จีนและไต้หวันลามทะเลจีนใต้

ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเมื่อประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวินได้รับเลือกตั้งในปี 2016 และได้แสดงแสนยานุภาพทางทหารอวดจีนและโลกอย่างเปิดเผยตั้งแต่เปิดศักราช เดือนมกราคมปี 2020 ซึ่งจีนถือเป็นการท้าทายทางทหารอย่างชัดเจน

ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา จีนส่งเครื่องบินสอดแนมเข้าน่านฟ้าไต้หวันเฉียดเส้นในพื่นที่รอยต่อและทางการไต้หวันโวยวาย ส่งเสียงถึงสหรัฐและนานาชาติให้ช่วยปกป้อง เพราะถูกกดดันคุกคามจากจีนหนักขึ้น

สหรัฐยังคงชูประเด็น การละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง เรื่องค่ายอบรมของปักกิ่ง และการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงควบคุมความสงบในฮ่องกงว่า ละเมิดประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่จีนประกาศว่า สหรัฐส่งเสริมการก่อการร้ายและแบ่งแยกดินแดน เป็นการละเมิดอธิปไตยของจีน ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในอย่างไม่อาจยอมรับได้ ทางการจีนใช้คำว่า “สหรัฐเป็นฝ่ายกระตุ้นสร้างความขัดแย้งเผชิญหน้าในภูมิภาคนี้กับจีน”

ในวันพุธ(14 ต.ค.2563) นสพ.โกลบอลไทมส์รายงานว่า สหรัฐจัดตั้งพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกที่คล้ายกับพันธมิตร นาโต้ ที่เรียกว่า “QUAD” เพื่อต่อต้านจีนอย่างเปิดเผยและประกาศจะลงนามร่วมในเอเซียเดือนพฤศจิกายนนี้  ในการนี้ หวัง อี้ มุขมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนประกาศในการเยือนมาเลเซีย ที่นครกัวลาลัมเปอร์ว่า “การกระทำของสหรัฐ เป็นเครื่องหมายแห่งอันตรายของความแตกแยกและสุ่มเสี่ยงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก”

หวังอี้ เรียกร้องให้ต่อต้าน “การแทรกแซงจากภายนอก” ขอให้มุ่งเป้าหมายไปที่การพัฒนาภูมิภาคเป็นสำคัญ “และควรเป็นการตัดสินใจเลือกของประชาชนในพื้นที่ไม่ใช่อำนาจจากภายนอก”