เปิดเบื้องหลัง มติแขวน “รัสเซีย” ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน! สหรัฐให้เงินหนุน UN ทำตามคำสั่ง?

1237

เปิดเบื้องหลัง มติแขวน “รัสเซีย” ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน! สหรัฐให้เงินหนุน UN ทำตามคำสั่ง?

จากกรณีที่สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก มีมติระงับสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน (UNHRC) หลังมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในวงกว้างอย่างเป็นระบบโดยกองกำลังรัสเซีย ซึ่งรุกรานยูเครนมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

มติที่ให้ระงับสมาชิกภาพของรัสเซียนี้ มาจากการผลักดันของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีชาติที่ลงมติเห็นชอบ 93 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศ ในขณะที่มีชาติลงมติคัดค้าน 24 ประเทศ และงดออกเสียง 58 ประเทศ โดยไทยและชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา เป็นส่วนหนึ่งที่งดออกเสียง ในขณะที่ลาวและเวียดนามลงมติไม่เห็นชอบต่อการระงับสมาชิกภาพของรัสเซีย

ก่อนการลงมติดังกล่าวจะมีขึ้น ผู้แทนรัสเซียได้แถลงว่า หากชาติใดออกเสียงเห็นชอบ รัสเซียจะถือว่า “มีท่าทีไม่เป็นมิตร” และจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างแน่นอน

เมื่อผลการลงมติออกมาว่า 2 ใน 3 ของที่ประชุมสมัชชาใหญ่ ซึ่งไม่นับรวมชาติที่งดออกเสียง ต่างเห็นชอบให้รัสเซียถูกระงับสมาชิกภาพในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ผู้แทนรัสเซียจึงได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากคณะมนตรีดังกล่าวทันที เพื่อเป็นการประท้วง

นายเกนนาดี คุซมิน อุปทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ประณามการลงมติครั้งนี้ว่า “ไม่ถูกต้องชอบธรรม ทั้งยังเป็นการลงมติที่มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง”

ส่วนนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงว่า รัสเซียรู้สึกเสียใจต่อมติดังกล่าว แต่จะเดินหน้าปกป้องผลประโยชน์ของชาติต่อไป ด้วยวิธีทางกฎหมายที่เป็นไปได้ทุกทาง

การยื่นหนังสือลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของรัสเซีย ทำให้สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติไม่สามารถยกเลิกข้อมตินี้ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตาม การลงมติระงับสมาชิกภาพนั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งล่าสุดคือในปี 2011 ที่ลิเบียถูกระงับสมาชิกภาพในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน เนื่องจากกองกำลังที่ภักดีต่อนายมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการของลิเบีย เข้าปราบปรามการประท้วงของประชาชนอย่างรุนแรง

นางลินดา โทมัส-กรีนฟีลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวแสดงความยินดีต่อมติล่าสุดของที่ประชุมสมัชชาใหญ่ว่า “นี่เป็นการส่งสารที่ชัดเจนให้ได้ทราบทั่วกันว่า ความทุกข์ทรมานของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากสงครามจะไม่ถูกมองข้าม”

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ชื่นชมมติดังกล่าวว่าเป็น “ก้าวย่างที่สำคัญของประชาคมนานาชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า สงครามของปูตินได้ทำให้รัสเซียกลายเป็นชาติที่น่ารังเกียจในสังคมโลก”

ล่าสุดทางด้าน ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ เป็นนักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า

ไม่ใช่ยูเอ็นขับครับ แต่เป็นรัฐบาลอเมริกาอยู่เบื้องหลัง รัฐบาลอเมริการิเริ่มให้มียูเอ็นและให้ยูเอ็นมามีสำนักงานในอเมริกาและให้เงินสนับสนุนยูเอ็นเพื่อรับใช้อเมริกาได้ง่ายขึ้น ยูเอ็นจึงต้องทำตามคำสั่งอเมริกา จะเห็นว่าอเมริกาและอิสราเอลรุกรานประเทศไหนก็ตาม ยูเอ็นไม่สามารถทำอะไรสองชาตินี้ได้เลย

อเมริกาดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศของตนหลายเรื่องผ่านยูเอ็น รัสเซียเคยเสนอให้ย้ายยูเอ็นออกจากอเมริกาเสียเพราะถูกอเมริกาครอบงำ แต่สมาชิกที่เสียงดังๆ อย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฯลฯ ไม่ย้าย ยังอยากให้อเมริกาครอบงำอยู่ต่อไป