สงครามเศรษฐกิจที่สหรัฐหวังจะทุบรัสเซีย กลับย้อนคืนกระแทกสหรัฐและยุโรปอย่างสาหัส เมื่อวาน ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดนเทขายกระหน่ำ ทำให้ยิลด์ของพันธบัตรอายุ10ปี ต้องขึ้นไปที่ 2.5% เทียบกับ1.7% ก่อนที่รัสเซียจะโดนขับออกจากระบบSWIFTด้วยซ้ำ นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรสหรัฐทิ้ง เพราะเกรงว่าจะถูกยึดทรัพย์เหมือนที่รัสเซียโดนยึด นั่นรัสเซียเตือนแล้วทำอะไรเลวร้ายจะเป็นดาบสองคมย้อนกลับเข้าหาตัวเอง
กรรมซ้ำหนักเมื่อคืนกลางดึกของบ้านเราแต่เป็นเวลาบ่ายของสหรัฐ FED ประกาศ เตรียมทำ QT ลดขนาด Balance Sheet ด้วยปริมาณสูงถึง 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/เดือน โดยจะแบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 6 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และพันธบัตรจำนองบ้าน (MBS) อีก 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และอาจจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ด้วยในการประชุมครั้งหน้า พร้อมยอมรับว่ามีโอกาสเร่งอัตราอีกหากจำเป็น นี่คือสัญญาณสยองขวัญของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ
สรุปได้ว่าแนวโน้มที่ FED จะเทเมกาก็น่าจะออกอาการค่อนข้างชัด คือไม่พิมพ์เงินมาอุ้มพันธบัตรรัฐบาลอีกอย่างไม่มีกำหนด ส่วนดอกเบี้ยก็น่าจะขึ้น 0.5% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. 2565 นี้และมีโอกาสจะขึ้นอีกเพราะแค่นี้เงินเฟ้อคุมไม่อยู่ สำหรับการทำQT เรียกเต็มๆว่าควอนทิเททีฟ ไทเท็นนิ่ง( Quantitative Tightening) คือ นโยบายดึงสภาพคล่องออกจากระบบด้วยการปล่อยให้พันธบัตรที่ซื้อมาครบอายุเพื่อคุมเงินเฟ้อนั้นหลายฝ่ายมองว่าอาจไม่ได้ผล
ประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลว่า เงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งไม่หยุดเพราะ รัสเซียเป็นต้นเหตุแต่ความจริง นักลงทุนทั้งหลายรู้อยู่แก่ใจว่า สาเหตุเงินเฟ้อเอาไม่อยู่เพราะนโยบายพิมพ์เงินไม่อั้นโดยไม่มีทองคำ หรือสินทรัพย์โภคภัณฑ์อะไรมาค่ำเป็น กระดาษล้วนๆ ที่อาศัยบารมีของน้ำมันและพันธบัตรรัฐบาลมาสร้างเครดิต และรัฐบาลสหรัฐหลายสมัยมาแล้วจนถึงชุดของไบเดนก็ย่ามใจสั่งพิมพ์เงินไม่อั้นล่าสุดก็ขอเพิ่มงบทางทหารสูงสุดเป็นประวัติการณ์
แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างไม่หวนกลับ เมื่อถล่มนิวเคลียร์เศรษฐกิจใส่รัสเซียอย่างสุดโต่ง ผลเด้งกลับเข้าตัวสหรัฐและบริวารตะวันตกเต็มๆเห็นกันชัดทั้งโลก ล่าสุดแม้แต่กลุ่มประเทศอ่าวที่เคยเป็นพันธมิตรสนิทสนมค้ำบัลลังก์ให้สหรัฐมานานหลายสิบปี ยังสุดจะทน พากันหนีไปซบรัสเซียและพันธมิตรตะวันออกอย่างทั่วหน้า ทั้งซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การ์ตา แม้แต่ตุรกีซึ่งเป็นพันธมิตรนาโต้แท้ๆยังเท
นอกจากนี้การคว่ำบาตรก๊อกสอง ล่าสุดสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ประกาศสั่งแบนถ่านหินและห้ามเรือพาณิชย์รัสเซียเทียบท่าส่งผลย้อนกลับแสบสันต์ยิ่งกว่า
วันที่ 6 เม.ย.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และรอยเตอร์รายงานว่า EU ล้มเหลวในการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียเพราะ 27 ประเทศสมาชิก ต่อต้านรัฐบาลในการห้ามนำเข้าถ่านหินและห้ามเรือพาณิชย์รัสเซียเทียบท่า เพราะจะส่งผลกระทบกับการค้าขายและการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างกว้างขวาง
คณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันอังคาร เสนอคำสั่งห้ามการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียมูลค่า 4 พันล้านยูโร (4.4 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษในวงกว้างของมอสโกว์เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน
ทันทีที่มีกระแสข่าวออกมา ราคาถ่านหินก็พุ่งสูงขึ้นในยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชียในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่สหภาพยุโรปประกาศข้อจำกัดในการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากรัสเซีย ตามตัวเลขจากการแลกเปลี่ยนพลังงานชั้นนำ
ราคาพุ่งขึ้น 14% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ข้อมูลจาก ICE Futures Europe เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของราคาตั้งแต่ต้นปี เกณฑ์มาตรฐานเอเชียก็เพิ่มขึ้น 6.4%เช่นกัน ตลาดถ่านหินระหว่างประเทศตึงเครียดโดยตลาดซื้อขายล่วงหน้าในเอเชียแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม และราคาถ่านหินในสหรัฐฯ พุ่งแตะ 100 ดอลลาร์ต่อตันในสัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 คาดว่าราคาจะสูงขึ้นอีกเมื่อผู้บริโภคชาวยุโรปยอมคว่ำบาตร และพยายามหาทางเลือกอื่นแทนเสบียงของรัสเซีย
เฟเบียน รอนนิงเกน(Fabian Ronningen) ที่ปรึกษากลุ่มพลังงานของนอร์เวย์ เรสแตด เอเนอร์จี เอเอส(Rystad Energy AS)กล่าวว่า “การคว่ำบาตรจะส่งผลเสียต่อการนำเข้าถ่านหินของยุโรป ถ่านหินบางชนิดสามารถหาได้จากตลาดอื่น แต่โดยทั่วไปแล้ว ตลาดถ่านหินทั่วโลกก็ตึงตัวเช่นกัน”
รัสเซียเป็นผู้ส่งออกถ่านหินเทอร์มอลรายใหญ่อันดับสามของโลกและเป็นซัพพลายเออร์อันดับต้นๆ ของยุโรป สหภาพยุโรปพึ่งพารัสเซียประมาณ 45% ของการนำเข้าถ่านหินและเกือบ 70% ของถ่านหินความร้อนซึ่งใช้ในการผลิตพลังงานและความร้อนตามข้อมูลของ Bruegel ในบรัสเซลส์
การค้นหาซัพพลายเออร์ทางเลือกของสหภาพยุโรปจะต้องขยายออกไปไกลถึงอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่รายอื่นๆ และอาจนำไปสู่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดทางทะเลหรือการส่งออก และต้องลดการบริโภคสินค้าที่จะใช้ในเอเชียเอง ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก
เจค ฮอร์ซเลน(Jake Horslen) นักวิเคราะห์จาก S&P Commodities Insights กล่าวว่า “ถ่านหินของรัสเซียอยู่ใกล้ที่สุด ถูกที่สุด และในบางตลาดเช่นเยอรมนีมีข้อกำหนดที่เหมาะสมที่สุด ในแง่ของปริมาณความร้อนและกำมะถัน”สำหรับพลังงานแก่โรงไฟฟ้าของยุโรป อ้างจาก Jake Horslen นักวิเคราะห์จาก S&P Commodities Insights ทางเลือกอื่นอาจเป็นความท้าทายที่สำคัญ
สมาคมการขุดถ่านหินในชาวอินโดนีเซียกล่าวว่า บรรดาเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินเทอร์มอลรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับการติดต่อจากผู้ซื้อที่มีศักยภาพจากบางประเทศในยุโรป รวมทั้งอิตาลีและเยอรมนี คนงานเหมืองในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า พวกเขามีกำลังการผลิตที่จำกัดในการจัดหาให้ยุโรปเพื่อช่วยทดแทนอุปทานของรัสเซีย สรุปว่าดิ้นอย่างไรก็หามาทดแทนของรัสเซียไม่ได้ในระยะเวลาอันใกล้ เรียกว่าต้องรื้อเส้นทางการค้าขายกันใหม่ แต่ไม่มีอะไรเป็นไปตามใจมหาอำนาจสหรัฐและตะวันตกอีกต่อไป
มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสัญญาณยุโรปสปริงปะทุขึ้นแล้วในหลายประเทศในยุโรป ด้านสหรัฐอเมริกาที่อ่วมไม่แพ้ยุโรป คนอเมริกันจะทนได้ไปอีกนานแค่ไหนกับความล้มเหลวในการบริหารประเทศของรัฐบาลไบเดนและต้องจับตากันต่อไปว่ารัสเซียจะรับมือกับแรงกดดันมหาศาลจากสหรัฐและตะวันตกแบบไหนอีก ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ สงครามอาวุธดุเดือดอยู่ในยูเครน แต่สงครามเศรษฐกิจได้แผ่ขยายวงไปทั่วโลกแล้ว!!