จากที่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและรัสเซียที่สำคัญยิ่ง!!!
ทั้งนี้นายไพศาล ได้โพสต์ภาพและพร้อมข้อความระบุว่า “พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และคณะผู้บริหารสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ได้เดินทางไปยังสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย และประชุมหารือทำความตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารไทย-รัสเซีย รวมทั้งความร่วมมือในการถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ระหว่างไทยกับรัสเซียด้วย และจะทำพิธีลงนามในข้อตกลงกันต่อไป
ในการนี้ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ได้ถือโอกาสสัมภาษณ์เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยเพื่อออกรายการของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ด้วย
พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 จะเปิดกว้างด้านข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทุกด้านจากทั่วโลก ซึ่งได้ทำความร่วมมือกับสำนักข่าวสารตะวันตกเรียบร้อยแล้ว เช่น CNN เป็นต้น ต่อมาก็ได้ทำความตกลงร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารและการถ่ายทอดรายการกับประเทศจีน อิหร่าน และล่าสุดก็คือประเทศรัสเซีย
ต่อมานายไพศาล ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้งว่า “สถานทูตรัสเซียประจําประเทศไทย เป็นสถานทูตที่ได้แสดงออกซึ่งความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งระหว่างไทยกับรัสเซีย
ที่ห้องรับรองด้านนอกของสถานทูต ได้ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชชนก และสมเด็จพระพันปี
สำหรับห้องรับรอง ชั้นกลางวางรูปปั้น พระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 และ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าซาร์ที่ 2 จึงถือโอกาสถ่ายภาพ มาให้ได้ทราบโดยทั่วกัน
ดังนั้นการที่ประเทศไทยถูกมหาอำนาจกดดัน จนต้องลงมติประณามรัสเซียที่สหประชาชาติ ท่านทูตรัสเซียจึงให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อนเข้าใจเพื่อน จึงไม่ถือสาหาความในเรื่องนี้
และแม้ประเทศไทยจะลงมติประณาม แต่รัสเซียก็ไม่ได้ Blacklist ประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่ไม่เป็นมิตร ในขณะที่ญี่ปุ่นไต้หวันและสิงคโปร์ ถูก Blacklist ว่าเป็นประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย
นี่คือความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่าง ไทยกับรัสเซีย ซึ้งใจ และไม่มีวันที่จะเป็นศัตรูกันโดยเด็ดขาด ประเทศรัสเซียตั้งมั่นในไมตรีกับประเทศไทยตลอดมา และสนับสนุนช่วยเหลือประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดยไม่เคยเรียกค่าตอบแทนใดๆจากประเทศไทย
ทั้งไม่เคยสนับสนุนพวกขบวนการล้มเจ้าไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่เคยก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยเลย ต่างกันลิบลับ กับทูตเส็งเคร็งบางกลุ่มที่ลับหลังก็แอบสนับสนุนขบวนการล้มเจ้า กดดันข่มเหง แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยไม่หยุดไม่หย่อน ซึ่งประชาชนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เกรงใจทูตเส็งเคร็งเหล่านั้น