นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ร่วมในการเยือนอินเดีย โดยไม่สามารถเอ่ยถึงสถานการณ์ในยูเครนโดยตรง สะท้อนท่าทีใกล้ชิดรัสเซียของแดนภารตะ ล่าสุดอินเดีย-รัสเซียผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นเมื่อตัดสินใจใช้เงินท้องถิ่นค้าขายกัน ไม่ปิดกั้นระบบเงินใหม่ของรัสเซีย-จีน ทำสหรัฐหนาว ผลักดันให้กลุ่มควอทโดยญี่ปุ่นออกหน้ากล่อมอย่างเอาจริงเอาจัง แต่สุดท้ายเหลวลุ้นไม่ขึ้น
วันที่ 21 มี.ค.2565 สำนักข่าวสเตรทไทมส์แห่งสิงคโปร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ เดินทางเยือนอินเดีย และได้พบกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำทั้งสองได้หารือกันถึงสถานการณ์ในยูเครนและประเด็นอื่นๆ ในระหว่างการพบปะกันเป็นเวลา 2 ชั่วโมงที่กรุงนิวเดลี เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเดินหน้าจัดประชุมพันธมิตรกลุ่มควอด(QUED)ที่ประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในต้นเดือนหน้า
ผู้นำญี่ปุ่นและอินเดียได้แถลงข่าวร่วมกันว่า ความพยายามใดๆ แต่เพียงฝ่ายเดียวในการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม เป็นเรื่องที่มิอาจยอมให้เกิดขึ้นได้ไม่ว่าในภูมิภาคใดก็ตาม และเห็นตรงกันด้วยว่า ต้องหาหนทางคลี่คลายที่สันติในข้อพิพาทต่างๆ โดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก
นายคิชิดะได้เอ่ยถึงสถานการณ์ในยูเครนว่า ประชาคมนานาชาติกำลังรับมือกับสถานการณ์ที่สั่นคลอนรากฐานของระเบียบโลก
หากแต่นายโมดีไม่ได้เอ่ยโดยตรงถึงเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยกล่าวเพียงว่า “เหตุการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นความท้าทายใหม่ การกระชับความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับอินเดียมีความสำคัญไม่เพียงต่อสองประเทศ แต่รวมถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และโลก”
อินเดียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย ทั้งด้านการเมือง การค้า และความร่วมมือด้านกลาโหม ยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ของอินเดียซื้อจากรัสเซีย หรือพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน และล่าสุดได้เปิดหน้าเข้าร่วมกับระบบแลกเปลี่ยนเงินแบบใหม่ที่พัฒนาร่วมกับของรัสเซีย-จีน นอกจากนี้ยังซื้อขายน้ำมันผ่านเงินท้องถิ่นรูปีและรูเบิล
อินเดียงดออกเสียงในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเรื่องการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ขณะที่ญี่ปุ่นใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในระดับเดียวกับชาติตะวันตกกลุ่ม G-7
ผู้นำญี่ปุ่นไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้อินเดียแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นในกรณีรัสเซีย-ยูเครน โดยฝ่ายอินเดียแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่พูดถึงรัสเซียและยูเครน แต่ยอมรับถ้อยคำของฝ่ายญี่ปุ่นในเรื่องการสร้างพันธมิตรภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
ถ้อยแถลงของผู้นำญี่ปุ่นที่ระบุว่า ไม่ยอมรับการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะของพื้นที่ใดๆ สื่อนัยถึงจีนและไต้หวัน หมู่เกาะเซ็งกากุ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างญี่ปุ่น-จีน รวมทั้งพื้นที่พิพาทบริเวณเทือกเขาหิมาลัยชายแดนอินเดีย-จีนด้วย
