แห่อาลัย “บุญเกื้อ ปุสสเทโว” ร่วมต่อสู้ปกป้องสถาบัน! เผยเป็นสายเลือด “สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 9” 

1750

แห่อาลัย “บุญเกื้อ ปุสสเทโว” ร่วมต่อสู้ปกป้องสถาบัน! เผยเป็นสายเลือด “สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 9”

จากกรณีที่วันนี้ (18 ก.พ.2565) นายบดีศร ปุสสเทโว บุตรชาย นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว ทีมโฆษกพรรคไทยภักดี ได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก “บุญเกื้อ ปุสสเทโว” ว่า “แจ้งข่าว (คุณพ่อ) บุญเกื้อ ปุสสเทโว เสียชีวิตแล้วด้วยอาการอันสงบ ที่บ้านพัก เลขที่ 99 ม.9 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี กำหนดการตั้งศพไว้ที่วัดหนองลานราษฎร์บำรุง เป็นเวลา7 วัน”

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2564 นายบุญเกื้อ เผยว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งในช่องท้อง มีขนาดโตขึ้น การรักษาด้วยวิธีคีโมไม่ได้ผล(ดื้อยา) แพทย์จุฬาฯต้องเปลี่ยนวิธีรักษามาเป็นการฉายรังสี(แสง) เมื่อฉายแสงครบ 10 ครั้งแล้วแพทย์ จะรอดูอาการอีก 3 เดือนว่าดีขึ้นหรือไม่

ต่อมาเมื่อ 25 ม.ค.2565 นายบุญเกื้อโพสต์เฟซบุ๊กว่าถึงเวลาที่จะต้องกล่าวอำลาต่อญาติพี่น้องมิตรสหายทุกคน และถือโอกาสนี้ขออโหสิกรรม ไม่เอาโทษต่อกัน เลิกแล้วต่อกันอย่าได้มีเวรกันต่อไปเลย มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง เข้าสู่ระยะสุดท้าย แรงถอยลงอย่างรวดเร็วจนยืนไม่ได้ แม้จะยังมีกำลังใจดีอยู่ ผมคาดคะเนว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 10 วัน เมื่อถึงวาระสุดท้ายผมจะตั้งจิตกำหนดอานาปานัสสติกำหนดลมหายใจเข้าออก แล้วภาวนาบทพุทโธ ออกเสียงว่า พุท-โธ, พุท-โธ, พุท-โธ จนค่อยๆหมดแรงดับไปด้วยอาการอันสงบ

โดยก่อนหน้านี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า

ผมชื่นชมพี่บุญเกื้อ​ ปุสเทโวในความจงรักภักดีและความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบัน ผมทราบการป่วยเป็นมะเร็งของพี่บุญเกื้อ​ และโพสต์ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายจนโดนแม่ดุว่าไม่ควรโพสต์​เพราะความเจ็บป่วยเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ผมต้องเคารพและมีมารยาทเพราะพี่บุญเกื้ออาจจะไม่ต้องการให้ใครรู้เลยก็ได้
แต่แล้วความก็ทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาท​ ทรงพระมหากรุณาธิคุณแก่พี่บุญเกื้อเป็นล้นพ้นเหลือประมาณ​ ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เมื่อผมเจอพี่บุญเกื้อหลังจากนั้น​ พี่บุญเกื้อขอบใจผมและพนมมือขึ้นท่วมหัวด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ บัดนี้การเดินทางระยะสุดท้ายกลับสู่ธรรมชาติของพี่บุญเกื้อกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ขอกราบอัญเชิญพระราชบารมีแห่งพระเจ้าอยู่หัวที่พี่บุญเกื้อจงรักภักดียิ่งด้วยหัวใจให้คุ้มครองการเดินทางระยะสุดท้ายของพี่เป็นไปอย่างราบรื่น​ สงบสุข
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2564 นายบุญเกื้อ ได้โพสต์ภาพและข้อมูลลงในกลุ่มภาพเก่าในอดีต ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะในเฟซบุ๊ก ที่มีคนเข้าร่วมกว่า 4.5 แสนคน

โดยนายบุญเกื้อเขียนไว้ว่า นายตาด ปุสสเทโว ทวดผม รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อต้นสมัยร.6 ทวดตาดเป็นบุตรของสมเด็จพระสังฆราชสา ปุสฺสเทโว พระสังฆราชองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นายตาดเกิดช่วงที่สมเด็จสาได้ลาสิขามาใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ระยะหนึ่งและมีบุตรชาย3คน ซึ่งเป็นที่มาของนามสกุลปุสสเด็จ และปุสสเทโว แห่งเมืองนนทบุรี ก่อนที่รัชกาลที่4 จะให้ตามตัวนายสากลับมาบวชใหม่)

ภาพนี้ปรากฎอยู่ในสมุดภาพเก่าเมืองนนทบุรี ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นโดยจังหวัดนนทบุรีและได้มีคำบรรยายประกอบภาพว่านายตาด ปุสสเทโว เป็นทายาทของสมเด็จพระสังฆราชสา หนังสือนี้มีนายเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ เป็นบรรณาธิการ