หลังจากที่ประชาชนทราบผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่-จตุจักรแล้ว ก็ทราบผลคะแนนไปแล้วว่า นายสุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 29,416 คะแนน , นายกรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล ได้ 20,361 คะแนน , นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า ได้คะแนน 20,047 คะแนน ,นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 7,906 คะแนน และนายพันธุ์เทพ ฉัตรธนะรัชต์ พรรคไทยภักดี ได้คะแนน 5,987 คะแนน
แม้ว่าพรรคไทยภักดีจะได้คะแนนอันดับสุดท้าย แต่ทางด้าน “หมอวรงค์” ก็ออกมายอมรับว่า พรรคไทยภักดี มาจากศูนย์ มีเวลาเตรียมตัวน้อย ขอบคุณประชาชนที่มอบคะแนนให้ “พันธุ์เทพ” เชื่อหากพรรคแข็งแกร่งจะได้โอกาส ยืนยันไม่ท้อ นอกจากนี้ยังพบว่า “นายถาวร เสนเนียม” มานั่งลุ้นคะแนนด้วย
ล่าสุดนายถาวร เสนเนียม ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคไทยภักดี ได้ออกมาเปิดเผย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ถึงการถอดบทเรียนเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขต9 โดยยอมรับว่าการหาเสียงโค้งสุดท้ายที่ผู้สมัครของพรรคไทยภักดี ชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมนั้นไม่ได้ผล และถือว่าพลังความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ลดลงแบบมีนัยสำคัญในท่ามกลางที่กระแสรัฐบาลตกต่ำ อย่างไรก็ดีในคะแนนที่ผู้สมัครได้รับเกือบ 6,000 คะแนนนั้น ถือว่าการเมืองเชิงสุจริตเที่ยงธรรม พอมีความหวัง
สำหรับผู้ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 30 มกราคม จำนวน 8.8 หมื่นคน คิดเป็น 52% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีผู้ออกกมาใช้สิทธิ 1.2 แสนคน คิดเป็น 74% เห็นว่ามีผู้ที่ไม่ออกกมาใช้สิทธิ์ 3.4หมื่นคน สิ่งที่พรรคไทยภักดีค้นพบ คือ คนเบื่อการเมือง ไม่ศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่พบการทะเลาะรายวัน ไม่รับผิดชอบ ทุจริต นอกจากนั้นในการเลือกตั้งรอบปัจจุบัน พบการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่ได้คะแนนรวม 4.9 หมื่นคะแนน ส่วนกลุ่มรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ , พรรคกล้า และพรรคไทยภักดี ได้คะแนนรวม 3.3 หมื่นคะแนน ถือว่าเป็นระยะห่างที่ทิ้งขาด
“สิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าสายของกลุ่มรัฐบาลวันนี้ หากไม่เอาวุฒิสภาบวกรวมโหวต ต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้าน และให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เป็นรัฐบาล ผมขอแสดงความยินดี กับพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้มีเวลาเหลือ ปี ที่นายกฯ จะแก้ปัญหาบ้านเมือง ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และปากท้อง ไทยภักดีต้องมองให้ดี
สำหรับคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ส่งผู้สมัคร แต่พบว่าคะแนนไปอยู่ที่พรรคกล้า และพรรคไทยภักดีบางส่วน ดังนั้นบทเรียนที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ ในส่วนของผู้มาใช้สิทธิ์ ที่อยู่ในชุมชนแออัด พื้นที่ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ มีผู้ใช้สิทธิ 57% ส่วนบ้านมีรั้ว พื้นที่แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ต่ำสุด คือ 46% ซึ่งมีระยะห่างมากถึง 11% ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งถัดไปชนชั้นกลาง บ้านมีรั้ว อยู่คอนโดต้องคำนึงถึงสิทธิ์ แม้เลือกตั้งรอบนี้ไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าต้องออก ไม่เช่นนั้นการเมืองที่ใช้
ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ถือว่าได้คะแนนตกต่ำ เนื่องจากภายในพรรคมีการขาดเอกภาพ ไม่มีความสามัคคี ผลงานไม่ปรากฎ โดยในพรรคมีมากถึง 11 กลุ่ม คือ
กลุ่มพล.อ.ประยุทธ์ 38 เสียง
กลุ่มพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค 7 เสียง
กลุ่มสามมิตร 17 เสียง
กลุ่มสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และรองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค 6 เสียง
กลุ่ม นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม 6 เสียง
กลุ่ม นายวราเทพ รัตนากร มี4 เสียง
กลุ่ม นายสนธยา คุณปลื้ม มี 1เสียง
กลุ่มสี่กุมาร มี 4 เสียง
กลุ่ม นายวิรัช รัตนเศรษฐ มี 8 เสียง
กลุ่มดาวฤกษ์ มี6 เสียง
กลุ่มฟรีแลนซ์ มี5 เสียง
กลุ่มส.ส.ที่ถูกขับออก 21 เสียง
ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐไม่แตกก็เหมือนแตก
อย่างไรก็ตามตนไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดี แต่เข้าไปเต็มตัว ฐานะผู้สนับสนุน และยังไม่รับตำแหน่งใด ๆ ตามโครงสร้างพรรค ทั้งนี้พร้อมจะทำหน้าที่อะไรก็ได้ในทุกเรื่องที่ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ดีมีคนบอกวก่าตนทำงานการเมืองมา 30 -40 ปี ไม่ใช่พระขอให้คิดดี ๆ ทั้งนี้ตนยอมรับว่าหยุดที่พรรคไทยภักดีแล้ว