จีน-รัสเซีย ซัดสหรัฐ “โจรศก.โลก”? แฉยึดทรัพย์อัฟกาฯเป็นของตัวเอง ขณะปูติน ประกาศไม่อายัด!

1993

จีน-รัสเซีย ซัดสหรัฐ “โจรศก.โลก”? แฉยึดทรัพย์อัฟกาฯเป็นของตัวเอง ขณะปูติน ประกาศไม่อายัด!

จากกรณีที่ ทำเนียบเคลิมลินออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำแห่งรัสเซีย กล่าวว่า เขาไม่จะแปลงทรัพย์สินนักธุรกิจและรัฐบาลต่างชาติที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะควํ่าบาตรเราก็ตาม ฉะนั้นทรัพย์สินของพวกเขาที่อยู่ในรัสเซีย จะไม่อายัดมาเป็นของรัฐบาลรัสเซีย

โดยปูตินออกมากล่าว หลังจาก นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกมาระบุต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลวอชิงตันไม่มีแผนคืนทรัพย์สินที่อายัดจากนักธุรกิจชาวรัสเซียตามมาตรการคว่ำบาตรรัฐบาลรัสเซียเพื่อตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

ในขณะที่ทางด้าน หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า  กระชากโลกด้วย QE ขนาดใหญ่ แช่แข็งเงินสำรองอัตราแลกเปลี่ยนของอิหร่าน ยึดทรัพย์สินของอัฟกานิสถาน แช่แข็ง $300bn ของทองคำและเงินสำรองอัตราแลกเปลี่ยนของรัสเซียและสินทรัพย์ในต่างประเทศของนิติบุคคลและบุคคล แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นโจรเศรษฐกิจอันดับ1ของโลก?

อย่างไรก็ตาม ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ อเมริกาได้ยึดทรัพย์ของอัฟกานิสถาน โดยมีเนื้อหาบางส่วนว่า โดยระบุว่า

เหนือฟ้ายังมีฟ้า: อเมริกายกทัพไปปล้นทองคำในอิรัก ลิเบียและตอนนี้กำลังปล้นเงินฝากของรัฐบาลอัฟกานิสถานที่ฝากไว้ในอนาคารอเมริกา กำลังยึดทองคำที่รัฐบาลเวเนซุเอล่าฝากไว้ในธนาคารอังกฤษ กำลังหาทางยึดเอาทรัพย์สินที่รัสเซียฝากไว้ในต่างประเทศ

รัฐบาลอเมริกันชอบปล้นทรัพย์สินชาวบ้านด้วยวิธียกทัพไปปล้น ชาวเกาหลีเหนือไม่ต้องเสียเวลายกทัพไปปล้นใครที่ไหนเลย แฮ็คเอาดื้อๆ อย่างง่ายๆ ยิ่งถ้าแฮ็คจากคลังสมบัติรัฐบาลโจรอย่างอเมริกาได้ด้วยก็จะดีมาก อยากจะบอกว่าถึงแม้สื่อตะวันตกอย่าง CNN จะลงข่าวเชิงประณามประชาชนเกาหลีเหนือที่แฮ็ค แต่รัฐบาลอเมริกาก็ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าเกาหลีเหนือหรอกครับ ปล้นทองคำหรือทรัพย์สินประเทศอื่นๆ ไปแล้วมากกว่าแฮ็คเกอร์ชาวเกาหลีเหนือหลายเท่าด้วยซ้ำ

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แถลงการณ์ของทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ระบุว่า เงินของรัฐบาลอัฟกานิสถานที่สหรัฐอายัดไว้ จะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวอัฟกัน ที่รัฐบาลสหรัฐยังยึดมั่นให้การสนับสนุน

จากรายงานของสำนักข่าวซินหัว แม้ชาวอัฟกันจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับการโจมตีดังกล่าว แต่รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจยึดเงินประมาณครึ่งหนึ่ง ของทั้งหมดที่เหลือประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 226,075 ล้านบาท) ที่ธนาคารกลางอัฟกานิสถานหรือ ดีเอบี (DaAfghanistan Bank : DAB) ฝากไว้ในธนาคารในสหรัฐและถูกอายัด เพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าชดเชยแก่ชาวอเมริกันที่ตกเป็นเหยื่อเหตุการณ์ 9/11

หลังสหรัฐถอนทหารชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถาน เมื่อปลายเดือน ส.ค. 2564 รัฐบาลสหรัฐสั่งอายัดทรัพย์สินรวมถึงเงินสดของดีเอบี ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองในวงกว้างว่า เป็นสาเหตุหลักที่นำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจ และความหายนะทางด้านมนุษยธรรม

ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่กองทัพสหรัฐและพันธมิตรเข้าไปทำสงครามในอัฟกานิสถาน พลเรือนอัฟกันมากกว่า 30,000 คน เสียชีวิต และกลายเป็นผู้พลัดถิ่นราว 11 ล้านคน แต่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่สามารถเรียกร้องขอเงินค่าชดเชย หรือฟ้องร้องเอาผิดจากกองทัพสหรัฐ