เปิดเบื้องหลังคนปล่อยลืออัปมงคล พบมีนายจ้างทุบหุ้น ช้อนกำไรเป็นทุนนำม็อบลงถนน

3783

จากที่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ถูกออกหมายจับตามความผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความโดยบอกว่า มีข่าวลือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระประชวร และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น

ทั้งนี้ทำให้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในโลกโซเชียล ขณะที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ก็ได้โพสต์ข้อความในสื่อโซเชียลทุกช่องทางว่า “มีที่ไหน ขนาดคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือก็ยังดีใจ good night”

ต่อมาทีมข่าวเดอะทรูธ ได้ตรวจสอบถึงข้อความหมิ่นเหม่ดังกล่าว โดยได้ตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลศิริราชฯแล้ว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงตามข่าวลือ หรือข้อกล่าวอ้างจากนายสมศักดิ์แต่อย่างใด

ล่าสุดวันนี้ 14 พฤษภาคม 2564  ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงข่าวลือดังกล่าวด้วยว่า พอโควิทรอบนี้ระบาดหนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี งดพระราชกิจต่างๆ มิได้เสด็จออกไปไหน สมศักดิ์ เจียมและพรรคพวกสาวกจิตรไม่ว่าง ก็เลยถือโอกาส มโนเต้าข่าวปลอม ออกมากันยกใหญ่ตอนนี้

ทางที่ดีถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับสองพระองค์ จริง รอฟังการแถลงการณ์ ของสำนักพระราชวังเท่านั้นที่แน่นอนอย่าวิตกจริตไปเชื่อไอ้สมศักดิ์ เจียม และพรรคพวก พวก จิตตก จิตรไม่ว่าง จิ้งจกทักมาว่า พวกล้มเจ้ามันเต้าข่าวขึ้นมา เพื่อทุบหุ้น หาเงินเล่นการเมือง ตลาดหุ้นจะต้องหาทางจับกุมคนพวกนี้

ขณะที่ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กไปในทิศทางเดียวกับท่านใหม่ว่า

ความน่าสงสัยของข่าวลือ การปล่อยข่าวลือครั้งนี้เป็นการทุบราคาตลาดหุ้นไทย เพื่อช้อนซื้อหวังทำกำไรเป็นทุนในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วย้อนกลับมาใช้ในการปั่นกระแสบิดเบือนผ่านโซเชียลมีเดีย การปลุกม็อบลงถนน ตลอดจนการเลือกตั้งในครั้งต่อไปหรือไม่?

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ชัดเจนที่สุดเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ คือ นายจ้างของคนที่ปล่อยข่าวลือโจมตีสถาบันฯ และยังเป็นนายทุนเจ้าของขบวนการปั่นกระแสบิดเบือนในโซเชียลมีเดีย เพื่อปลุกม็อบลงถนนมาโดยตลอด

ผมเคยเตือนมาหลายครั้งแล้วนะครับ สำหรับมหันตภัยของ “การใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธ” หรือ “The Weaponization of Social Media” ซึ่งนับวันจะมีแต่จะบ่อนทำลายความมั่นคงและแทรกแซงกิจการภายในประเทศของเรามากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้ารัฐบาลยังไม่แก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรม บอกได้เลยว่า ความล้มเหลวอันใหญ่หลวงของรัฐบาลนี้ คือ การไม่สร้างอธิปไตยทางไซเบอร์ แล้วปล่อยให้ขบวนการชั่วซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในซอกหลืบของรั้วมหาวิทยาลัย ขยายตัวใหญ่โตผ่านโซเชียลมีเดีย จนกลายเป็นภาระของประชาชนในการต้องมานั่งต่อสู้กับข่าวปลอมโดยไม่เว้นแต่ละวัน แม้แต่ในยามโควิดระบาดหนักเช่นนี้ ประชาชนตาดำๆ ก็ยังต้องมานั่งต่อสู้กับข่าวปลอมเรื่องวัคซีนเต็มไปหมด