จีนแหกอกสหรัฐคือต้นตอโควิดระบาด!?!ถามแรง เปิดไบโอแล็ปทั่วโลกกว่า 200 แห่ง เพื่อก่อการร้ายทางชีวภาพหรือไม่?

2650

ถึงเวลาแฉใครกันแน่ตัวการแพร่โรคระบาด โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบโต้ออสเตรเลีย ที่อ้างรายงานของCDCของสหรัฐว่าจีนมีการวิจัยทางชีวภาพเพื่อสนับสนุนสหรัฐกล่าวหาจีนเป็นต้นตอโควิดระบาด  โดยโฆษกแฉว่า ในรายงานซึ่งเป็นของสหรัฐเอง ได้เปิดเผยมีการระบาดที่สหรัฐเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงปลายปี 2019 ก่อนที่จะระบาดที่จีนช่วงเดือนธันวาคมหรือมกราคมเสียอีก ไวรัสโคโรนา จึงอาจจะหลุดมาจากห้องแลปที่ค่ายทหารFort Detrickที่มลรัฐแมร์รี่แลนด์มากกว่า นอกจากนี้สหรัฐยังมีการทำวิจัยไวรัสในไบโอแล็ปมาก กว่า 200 แห่งใน 25 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ไวรัสที่ระบาดหนักๆในประเทศต่างๆมาจากห้องแลปเหล่านี้หรือไม่??

เมื่อวานนี้หนังสือพิมพ์Global Timesของจีน เผยแพร่รายงานอ้างถึงหว่า ชุนหยิงโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ระบุว่า สหรัฐอเมริกากำลัง “ทำสงครามทางชีวภาพและการก่อการร้ายทางชีวภาพโดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม” 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาออสเตรเลีย ได้รายงานว่า ได้รับเอกสารรั่วไหลของจีนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ที่กล่าวถึงพันธุวิศวกรรมของโคโรนาไวรัสโดยกองทัพของประเทศจีน  เอกสารดังกล่าวเป็นการรายงานจากปี 2015 โดยชี้เป้าว่านี่เป็นหลักฐานว่า การระบาดไวรัสโควิด-19 มาจากจีนตามคำกล่าวหาของสหรัฐ

หว่า ชุนหยิง(Hua Chunying) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงตอบโต้ว่า สหรัฐได้ทำการวิจัยเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม เพื่อใช้ในสงครามเชื้อโรค และการก่อการร้ายเชื้อโรค และกล่าวว่า มีหลายประเทศต่างรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง กับไบโอแล็ปที่สร้างโดยสหรัฐทั้งภายในและภายนอกประเทศทั่วโลก มากกว่า 200 แห่งตั้งอยู่ใน 25 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค สถานที่มีแล็ปเหล่านี้ได้พบว่ามีการระบาดของเชื้อโรคในระดับที่แพร่หลาย  ฉะนั้นจึงอยากจะรู้ว่าทำไมสหรัฐจึงสร้างไบโอแล็ปเหล่านี้มากมายทั่วโลก สหรัฐต้องการอะไร?

ตลอดเวลาตั้งแต่ยุคอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ใส่ร้ายว่าจีนเป็นต้นตอของการระบาดของไวรัสโคโรนา ทรัมป์และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลเรียกโควิดว่า ไวรัสจีน (China virus) เป็นการตีตราความผิดให้กับจีนว่ามีการสร้างซุปเปอร์ไวรัส แล้วปล่อยหลุดออกมาที่เมืองหวู่ฮั่น เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสเกลียดชังเอเชียในสหรัฐระบาดกว้างขวางทั่วประเทศ เป็นปัญหาต่อเนื่องที่ปัจจุบันมีแนวโน้มเลวร้ายหนักขึ้น และยากจะแก้ไข

หว่า ชุนหยิง กล่าวว่าเอกสารที่ “รั่วไหล” ไม่ใช่ความลับและยืนยันว่า เป็นรายงานที่บ่งบอกถึงสหรัฐฯกำลังคุกคามโลกด้วยอาวุธชีวภาพมากกว่า

โฆษกฯอ้างถึงอดีตผู้พันกองทัพอากาศสหรัฐรายหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐอเมริกากำลังค้นคว้าเทคโนโลยีของพันธุวิศวกรรมที่ประยุกต์ใช้กับสงครามชีวภาพและการก่อการร้ายทางชีวภาพ

หว่ากล่าวว่า “ สถานที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการชีวภาพบางแห่งพบว่ามีการระบาดของโรคติดเชื้อขนาดใหญ่” “ผู้คนต่างอยากรู้ว่า เหตุใดสหรัฐฯจึงตั้งห้องปฏิบัติการชีวภาพมากมายทั่วโลก? หลังจากนั้นคืออะไร? สหรัฐฯได้รับทรัพยากรทางชีวภาพ และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมากเพียงใดจากประเทศที่เกี่ยวข้อง”

สหรัฐฯได้จัดตั้ง biolabs ใน 25 ประเทศและภูมิภาคต่างๆทั่วตะวันออกกลาง,แอฟริกา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีถึง 16 แห่งในยูเครนเพียงประเทศเดียว

หว่าฟันธง! โคโรนาไวรัสที่ระบาดในจีนมีต้นกำเนิดที่ฟอร์ด เดทริก (Fort Detrick) ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐฯในรัฐแมรี่แลนด์ 

หว่าเปิดเผยว่าไวรัสโคโรนาในจีนซึ่งเริ่มแพร่เชื้อสู่มนุษย์เป็นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน เมื่อปลายปี 2562 เป็นเชื้อที่รั่วไหลออกจากป้อมเดทริก ก่อนที่จะมีการบันทึกผู้ป่วยรายแรกของโรคและเริ่มแพร่เชื้อสู่คนในรัฐแมรี่แลนด์ หว่าอ้างว่าแพทย์ในพื้นที่วินิจฉัยผู้ที่ติดเชื้อ“ โคโรนาไวรัส” ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ เป็น “โรคจากบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งไม่ถูกต้องเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอย่างน่าละอาย ต่อมาจึงรายงานใหม่ว่า ติดเสียชีวิตด้วยโควิด-19 

หว่าตั้งคำถามในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “กิจกรรมใดบ้างที่จัดขึ้นที่ Fort Detrick และห้องปฏิบัติการชีวภาพในต่างประเทศ? งานเหล่านั้นเชื่อมโยงกับงานวิจัยของสหรัฐฯเรื่องอาวุธชีวภาพ (bioweapons) รุ่นต่อไปหรือไม่?” “ สหรัฐฯเป็นหนี้ชุมชนนานาชาติในการตอบคำถามเหล่านั้นอย่างซื่อสัตย์โปร่งใสและมีความรับผิดชอบ”

ต้นกำเนิดของไวรัสโคโรนามาจากจีนและการเริ่มแพร่เชื้อสู่มนุษย์เป็นหัวข้อของการคาดเดาทางวิทยาศาสตร์ในระดับสากลจากการผลักดันของสหรัฐฯ  องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งทีมนักวิจัยไปยังหวู่ฮั่นประเทศจีนในช่วงต้นปี 2564 เพื่อทดสอบทฤษฎีต้นกำเนิดที่เป็นไปได้หลายประการ รายงานขั้นสุดท้ายของทีมสรุปว่า “ไม่น่าเป็นไปได้อย่างมากที่ไวรัสโควิด-19หลุดรอดจากห้องปฏิบัติการในหวู่ฮั่น”

Tedros Adhanom Ghebreyesus หัวหน้าองค์การอนามัยโลกวิจารณ์รายงานของตัวเองว่ารายงานฉบับนี้ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ

หวังว่า WHO จะขอเข้าไปตรวจห้องปฏิบัติการแล็ปที่ฟอร์ด เดทริกของสหรัฐบ้าง ชาวโลกจะได้หายสงสัยเหมือนที่หว่า ชุนหยิงแฉ??