บิ๊กป้อม ตัดเยื่อใย! ทิ้งสัมพันธ์ 50 ปี “บิ๊กตู่”หัน เล่นละครปาหี่ “ธรรมนัส” ที่เพิ่งสนิทแค่ 4 ปี!

1608

บิ๊กป้อม ตัดเยื่อใย! ทิ้งสัมพันธ์ 50 ปี “บิ๊กตู่”หัน เล่นละครปาหี่ “ธรรมนัส” ที่เพิ่งสนิทแค่ 4 ปี!

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ เกิดกระแสวุ่น ๆ ภายในพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา ว่าบรรดาส.ส.ที่หนุนร.อ.ธรรมนัส ได้เข้ามูลนิธิป่ารอยต่อ เพื่อหารือถึงเรื่องราวภายในพรรค

จนกระทั่งต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ส.ส.ประมาณ 22 คน มีมติถูกขับพ้นจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อย้ายไปอยู่พรรคการเมืองอื่น เนื่องจากมีเหตุผลเชื่อว่า สร้างความขัดแย้งและแตกแยกภายในพรรค พปชร.มาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ย้อนไปก่อนหน้านี้ ในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีกระแสข่าวว่า ธรรมนัส ได้พูดคุยกับส.ส. เพื่อให้โหวตคว่ำพลเอกประยุทธ์ หลังจากนั้น เพียงหนึ่งสัปดาห์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ก็พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้เกิดกระแสความขัดแย้งของพลเอกประยุทธ์และธรรมนัสมาอย่างต่อเนื่อง

หลายคนได้จับตาไปที่ 3 ป. ว่า หลังจากที่นายกฯได้ปลด ร.อ.ธรรมนัสแล้ว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิด เผยว่า พลเอกประวิตร ก็ไม่คาดคิดว่า พลเอกประยุทธ์ จะตัดสินใจเช่นนี้ เพราะไม่ได้ปรึกษาหารือก่อนเลย แต่ถือเป็นอำนาจของนายกฯ ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ได้ขอให้ ร้อยเอกธรรมนัส ช่วยงาน พรรคพลังประชารัฐ ต่อไป หลังจากที่แถลงลาออก จาก รมช.เกษตรฯ และจะกลับไปเป็น สส. พะเยา

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ในช่วงที่มีกระแสความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป.ที่กำลังเป็นที่จับตาว่า จะแตกกันหรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า “ในเรื่องเหล่านี้อยากจะกราบเรียนทุกคนและสื่อ ก็เป็นคนตั้งเองใช่หรือไม่ 3 ป. ไม่มีใครมาทำลายผมได้หรอก ทุกคนอาจจะไม่รู้ ทุกคนอาจจะไม่รักเพื่อนรักคนอื่น เหมือนผมรักกัน 3 คน ผมร่วมเป็นร่วมตายกันมา ชายแดนผมก็อยู่ ท่ามกลางสนามรบผมก็เคยอยู่ด้วยกัน และท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผมมาตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมมารับราชการ อยู่บ้านเดียวกัน กินนอนด้วยกัน สั่งสอนกัน ฝึกอบรมด้วยกันและโตขึ้นมาก็ยังคบ ยังเคารพกันอยู่ ทุกอย่างผมเป็นวันนี้ได้เพราะพี่ทั้งสองคนได้สั่งสอนผมมา และผมจำได้ว่าพี่ทั้งสองคนจะสอนมาให้ผมทุจริตโกงไม่มี” พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พลเอกประยุทธ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอกประยุทธ์ จะไปนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า “เอ้ย ยังไม่คิดถึงตรงนั้นหรอก มันยังไม่ถึงอะไร ก็อย่าเพิ่งมาถามดักหน้าดักหลังผม มันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ เวลาวันนี้ก็ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”

เมื่อถามว่า มีภาพปรากฏการทักทายและกอด พล.อ.ประวิตร นายกฯ ตอบว่า “ทำไม ผมก็กอดทุกวันนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กแล้ว”

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ถึงการแยกลงพื้นที่ต่างจังหวัด เป็นการวัดพลังระหว่างพลเอกประยุทธ์ กับพล.อ.ประวิตร ว่า “ใครก็รู้กันทั้งนั้นว่าไม่มีปัญหา ส.ส.พรรคทุกคนต่างรู้ดีว่า ตนกับนายกฯไม่มีปัญหากัน จะมีแต่นักข่าวเท่านั้นที่คอยเสนอข่าวทะเลาะกัน ผมกอดคอกับนายกฯ สนิทสนมกันมา 50 กว่าปี จำไว้ ให้ตายจากกัน เรา 3 ป.ถึงจะเลิกรักกัน บ้าบอมากกับข่าวทะเลาะกัน ซึ่งนายกฯก็มาหาผมทุกวัน ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใครจะไปทะเลาะกัน”

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่า ทั้งพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรนั้น ต่อสู้เคียงข้างมาตั้งแต่สมัยเป็นทหาร และรักกันมาก

ในขณะที่ ธรรมนัส เริ่มเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2561 โดยได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรค และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยา เขตที่ 1 ในปี 2562 และต่อมาเมื่อปี 2564 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยได้พูดถึงกรณีของนายกฯและธรรมนัส  ภายหลังจากที่มีการเรียกประชุมรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 6 คน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ซึ่งได้มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ ได้ถามกับ พล.อ.ประวิตร ว่า “ด้วยเหตุผลอะไรถึงรักธรรมนัส มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์” ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ทำได้แต่นิ่งเงียบ

อย่างไรก็ตาม การที่ธรรมนัส ถูกขับพ้นพลังประชารัฐ คาดว่า น่าจะเป็นการเดินเกมของพลเอกประวิตร ที่จะโค่นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งน่าเป็นการส่งสัญญาณความแตกแยกของพี่น้อง 3ป. และไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์แล้ว แต่หันไปจับขั้วกับธรรมนัส โดยให้ย้ายไปพรรคการเมืองใหม่  ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแผนการที่มีการเตรียมการกันไว้ก่อนหน้านี้ ระหว่างพลเอกประวิตรและธรรมนัส