หลังปีใหม่เป็นต้นมา กระแสข่าวการเร่งสร้างขีปนาวุธทำลายล้างระดับสูงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แม้ในต้นปี คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้แถลงร่วมกันว่าจะไม่มีการก่อสงครามนิวเคลียร์ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด และต้องไม่ใช้นำมาประหัตประหารกันในความขัดแย้งทุกพื้นที่ ทำให้ทั่วโลกโล่งอกโล่งใจไประยะหนึ่ง แต่ความเป็นจริงมันสวนทางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ เพราะมหาอำนาจที่แถลงการณ์ร่วม รวมทั้งพันธมิตรทั้งหลายทั่งฝั่งตะวันตกและตะวันออก พากันอวดแสนยานุภาพอาวุธล่าสุดกันอย่างอึกทึก ที่สำคัญการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรสหรัฐอย่าง ออคัส(AUKAS) เปิดหน้าโชว์ก่อนใคร ทั้งประกาศจับมือพัฒนากองทหาร ทั้งประกาศสร้างอาวุธต้านขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และดี๊ด๊าจะเร่งสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลียอย่างแน่นอน
สถานการณ์แบบนี้อาเซียนได้แต่มองตาปริบๆ ทั้งๆที่มีข้อตกลงปลอดนิวเคลียร์ในพื้นที่ แต่สหรัฐและกลุ่มต้านจีนต่างเข้ามาป้วนเปี้ยนทั้งการทูตและความมั่นคงถี่ยิบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่เมียนมายังไม่สงบง่าย สถานการณ์สู้รบยังระอุดุเดือด โดยมีตะวันตกจ้องจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ตลอดเวลา ความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอย่างกว้างขวาง ต้องจับตาภายใต้บทบาทการเป็นประธานอาเซียนของฮุนเซนแห่งกัมพูชา จะรับมือกับแรงกดดันของสหรัฐและตะวันตก กระเตงอาเซียนก้าวผ่านอันตรายรอบด้านไปได้อย่างไร ปีนี้ไม่อาจกะพริบตา!
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2565 สำนักข่าวนิเคอิเอเชีย(Nikkei Asia) เปิดเผยว่ากระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นจะพัฒนาปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า (railgun) เพื่อรับมือการโจมตีจากขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่มีความเร็วเหนือเสียงซึ่งจีน เกาหลีเหนือ และรัสเซียกำลังพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง
รายงานระบุว่าญี่ปุ่นกำลังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถยิงกระสุนพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และเร็วกว่าเดิม ซึ่งเมื่อใช้ควบคู่กับขีปนาวุธพิสัยไกลตัวอื่นจะช่วยให้ญี่ปุ่นมีขีดความสามารถในการสกัดกั้นการโจมตีได้มากยิ่งขึ้น
ปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้านี้สามารถโจมตีด้วยความเร็วมากกว่า 2,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าระบบสกัดกั้นที่มีอยู่ในปัจจุบันเกือบ 600 เมตรต่อวินาที
โดยปืนต้นแบบทำความเร็วได้ 2,300 เมตรต่อวินาที เพื่อยิงสกัดกั้นก่อนที่ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของศัตรูจะเข้าโจมตีเป้าหมาย แหล่งข่าวเผยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณ 6,500 ล้านเยนในปีงบประมาณนี้เพื่อพัฒนาอาวุธดังกล่าว
สำนักข่าว South China Morning Post ระบุว่าการพัฒนาดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของจีนและเกาหลีเหนือ ที่กำลังพัฒนาและทดลองขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่มีความเร็วเหนือเสียงอย่างไม่ลดละ และการทดสอบให้ผลที่น่าพอใจ ยังความกังวลให้กับสหรัฐและพันธมิตรอย่างมาก
เกาหลีเหนือซึ่งกำลังดำเนินการทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง โดยในปีนี้เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบไปแล้วถึง 2 ครั้งภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้ประเมินว่าขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือกำลังทดลองอยู่นั้นมีความเร็วเหนือเสียงถึง 10 เท่า
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีนก็ได้วางแผนที่จะติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงในปีนี้เช่นกัน ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นระบุว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ กำลังพัฒนาปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่มีใครประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริง
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะรวบรวมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเพื่อร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ ซึ่งรวมถึงวิธีการตอบโต้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันสภาคองเกรซกำลังพิจารณาร่างกฎหมายกลาโหมสหรัฐ เพิ่มกองทุนอินโดแปซิฟิกเป็นสามเท่า
หันกลับมามองสถานการณ์ในอาเซียนกันบ้าง เมียนมาซึ่งวิกฤตความรุนแรงขยายตัวนับจากการรัฐประหารเมื่อกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จากการประท้วงสู่จลาจล ขยายตัวเป็นการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ ทั้งบนท้องถนนสู่ป่าเขา ล่าสุดก็เปิดตัวกันเอกเกริกว่าNGO มะกันฝึกอาวุธให้ชาวบ้านหนุนฝ่ายต้านรัฐบาลเมียนมา การสู้รบชายแดนไทยระหว่างกองทัพเมียนมาและกลุ่มชาติพันธ์กะเหรี่ยงเคเอ็นยู ก็เกิดขึ้นดุเดือดข้ามปี ข่าวการแต่งตั้งนายทหารกองทัพอากาศสายเหยี่ยวของมิน อ่อง หล่ายทำให้หลายฝ่าย รู้สึกได้ถึงบรรยากาศการเผด็จศึกที่ใกล้เข้ามา ซึ่งสหรัฐฯคงไม่อยู่นิ่งเฉย
การกดดันของสหรัฐต่อกลุ่มอาเซียนผ่านการเมืองการทูตย่อมเกิดขึ้นแน่ และคงต้องจับตามาตรการทางทหาร ที่จะแอบแฝงมาในรูปใดคาดว่าไม่นานคงได้เห็น อย่างไรก็ตามสมาชิกอาเซียนย่อมไม่ปรารถนาเป็นบ้านกระสุนตก เพื่อสงครามตัวแทนของมหาอำนาจอย่างแน่นอน?