อัญมณี-เครื่องประดับไทย ส่งออกพุ่ง 5 เดือน 9.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อานิสงค์ส่งออกทองคำ หากไม่มีระบาดรอบสองมั่นใจฉลุย

2559

ส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ 5 เดือนปี 63 พุ่ง 9,579.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 108.01% ได้อานิสงค์ส่งออกทองคำไปเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่า 386% แต่หากหักทองคำออก ส่งออกลดเหลือ 1,984 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 34.80% เจอพิษโควิด-19 ทำผู้บริโภคชะลอการซื้อ จับตาครึ่งปีหลังฟื้น หลังเริ่มคลายล็อกดาวน์ ภายใต้เงื่อนไขไม่มีการระบาดรอบสอง

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 5 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 9,579.95 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 108.01% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 298,877.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.76% แต่หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า 1,984 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 34.80% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 60,962.51 ล้านบาท ลดลง 36.49%

สาเหตุที่ทำให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรวมทองคำเพิ่มขึ้นมาก เพราะส่งออกทองคำได้มูลค่าสูงถึง 7,595.95 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 386.10% จากการส่งออกไปทำกำไรจากส่วนต่างของราคา และเก็งกำไรราคา ในช่วงที่ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และคนได้หันมาซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้มีการส่งออกมากขึ้น

ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ลดลง หากหักทองคำออก เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศยังมีการล็อกดาวน์ แม้บางประเทศจะเริ่มเปิดธุรกิจ แต่การค้าขายยังไม่ปกติ และผู้บริโภคได้ชะลอการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว

ทั้งนี้ หากดูเป็นรายสินค้า พบว่า ปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยเครื่องประดับเงิน ลด 9.85% เครื่องประดับทอง ลด 42.21% เพชรเจียระไน ลด 45.36% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน ลด 57.93% และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลด 44.30%

ขณะที่ตลาดส่งออก ลดลงเกือบทุกตลาด โดยสหภาพยุโรป ลด 16.97% จากการรส่งออกได้ลดลง สหรัฐฯ ลด 29.08% เพราะผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในการบริโภค ฮ่องกง ลด 54.18% จากเศรษฐกิจชะลอตัวและผลกระทบทางการเมือง ตะวันออกกลาง ลด 36.54% จากเศรษฐกิจอ่อนแอ อินเดีย ลด 37.78% จากการล็อกดาวน์ และเศรษฐกิจหยุดชะงัก ญี่ปุ่น ลด 17.57% จากการบริโภคชะลอตัว ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ลด 12.35% จีน ลด 47.74% จากความกังวลสงครามการค้า และผู้บริโภคชะลอการบริโภค แต่อาเซียน เพิ่ม 17.30% รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช เพิ่ม 24.44%

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเริ่มดีขึ้น ธุรกิจเริ่มเปิดกิจการมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการระบาดรอบใหม่ และต้องติดตามสถานการณ์โลกที่อาจเกิดเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จนนักลงทุนทั่วโลกรวมทั้งไทยต่างเกิดความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ช้า รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 ก็จะเป็นปัจจัยซ้ำเติมฉุดการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้านี้

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนกำลังซื้อและความต้องการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้ฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

………….……………………………………………………………