จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2564 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์คลิปวิดีโอ และข้อความในเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุถึงการมองการเมืองปี 2565 ว่า “การใช้อำนาจรัฐที่เข้มข้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐเข้มแข็ง หากมองในอีกมิติหนึ่ง ยิ่งรัฐใช้อำนาจเข้มข้นเท่าไหร่ ยิ่งใช้กลไก ศาล ทหาร คุก ตำรวจ เท่าไหร่
นั่นแสดงให้เห็นว่าระบบนั้นเริ่มอ่อนแอแล้ว ต้องใช้กำลังทางกายภาพ กำลังทางกฎหมายไปบังคับคน หากเป็นเมื่อก่อนไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดนี้ คนพร้อมจะเชื่อ คนพร้อมจะปฏิบัติตามโดยไม่ตั้งคำถาม กลายเป็นตอนนี้กล่อมเกลาความคิดไม่ได้ ต้องบังคับไม่ให้แสดงออกแทนผ่านการจับกุมคุมขัง ผ่านกลไกทางกฎหมาย พิสูจน์ให้เห็นว่าอำนาจนำแบบเดิมหายไปแล้ว”
ประเทศนี้มีปัญหาหลายเรื่อง จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องเพื่อให้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา แต่โจทย์ของปี 2565 ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องทำให้การพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กลายเป็นเรื่องปกติ หรือที่คำภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Normalization” ทำให้การพูดเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นประเด็นสาธารณะ เป็นเรื่องที่ต้องปฏิรูป เหมือนที่ต้องพูดเรื่อง การปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูประบบราชการ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ การปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งองคาพยพ หรือแม้แต่พูดเรื่องการจัดการทุนผูกขาด ฯลฯ”
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวส่งสารของนายปิยบุตร แน่นอนว่า อาจจะสื่อไปถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือกลุ่มม็อบ 3 นิ้วด้วย เพราะมีความสอดคล้องกับบรรดาลิ่วล้อที่เคยสนับสนุนแกนนำ 3 นิ้ว แม้ว่าแกนนำ 3 นิ้วจะต้องอยู่ในเรือนจำนานหลายปี แต่คนกลุ่มนี้กลับประกาศชัดเจนว่า ในปี 2565 ม็อบพร้อมจะกลับมาเดือดอีกครั้ง แม้กระทั่งประชาชนก็มีความหวาดผวา ว่างานนี้ม็อบ 3 นิ้วจะไม่ยอมจบ อ้างอิงจากการรายงานของนิด้าโพล เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายปิยุตร ให้สัมภาษณ์สื่อ พร้อมเผยชัดแล้วว่า ได้มีการวางเกมการเมืองระยะยาว 16 ปี ร่วมกับคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล พร้อมลั่นจะรื้อระบบอุปถัมภ์ทางการเมืองต่าง ๆ ให้หมดไป โดยมีความเชื่อว่าในอนาคตจากรุ่นสู่รุ่น 4 ปี 8 ปี 12 ปี หรือ 16 ปี ตนเชื่อว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ต้องจับตามองว่า หลังจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองหลาย ๆ กลุ่มในช่วงนี้ จะเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ม็อบ 3 นิ้ว กลับมาจุดติดอีกครั้งหรือไม่
