กรณีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนมีต้นเหตุมาจาก การที่ยูเครนเป็นฝ่ายละเมิด สนธิสัญญาสันติภาพ’มินส์’ ระหว่างยูเครนกับเขตดอนบาส แต่มาขอเข้าเป็นสมาชิกนาโตเพื่อมั่นใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับรัสเซียจะได้มีพวกหนุนหลัง ขณะที่ทางฝ่ายสหรัฐและนาโตมีท่าทีแข็งกร้าวไม่ลดเงื่อนไขเรียกร้องให้รัสเซียเป็นฝ่ายยอมทุกเงื่อนไขที่สหรัฐเรียกร้อง แน่นอนรัสเซียย่อมไม่ถอย หลังจากเจรจาและเห็นธาตุแท้สหรัฐแล้วว่ามีเจตนาร้ายต่อรัสเซีย วันนี้จึงประกาศชัดเจนว่าวันใดสหรัฐคว่ำบาตรปธน.ปูติน วันนั้นเลิกคบเตรียมเจอของจริง ดั่งที่ปูตินกล่าวตอนพูดคุยกับไบเดนเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า นาโตจะเผชิญกับนรกของจริง นอกจากไม่ถอนกำลังทหารแล้ว จับตาการเคลื่อนไหวทางทหารระหว่างรัสเซีย-จีนและพันธมิตรตะวันออกว่าเตรียมรับแรงกระแทกจากการปะทะของสองมหาอำนาจรัสเซีย-สหรัฐอย่างไร เพราะไม่มีใครยอมใครอีกแล้ว สงครามตัวแทนครั้งนี้มีแต่ยูเครนเท่านั้นที่จะแหลกราญเหมือนอัฟกานิสถาน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
วันที่ 14 ม.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทาซซ์รายงานว่า ทำเนียบเครมลินเตือนสหรัฐว่า การคว่ำบาตรรัสเซียโดยพุ่งเป้าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะเป็นการล้ำเส้นและอาจนำไปสู่การทำลายความสัมพันธ์ หลังจาก ส.ว.พรรคเดโมแครตขู่ลงโทษรัสเซียเพื่อปรามการรุกรานยูเครน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภาหลายคนของพรรคเดโมแครตของปธน.โจ ไบเดน ขู่รัสเซียว่า จะเผชิญกับผลลัพธ์รุนแรงหากรุกรานยูเคน ซึ่งจะรวมถึงการคว่ำบาตรปูตินและธนาคารหลายแห่งของรัสเซีย ไปจนถึงการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนรอบใหม่อีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียที่กรุงมอสโก (Dmitry Peskov:Presidential Press Secretary) แถลงเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าการแนะนำให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อผู้นำประเทศเป็นการล้ำเส้น และเทียบได้กับการทำลายความสัมพันธ์ของสองประเทศ
เปสคอฟกล่าวว่า เครมลินมองว่าร่างมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐเป็นผลลบอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อการพูดคุยที่ดำเนินอยู่ไม่ประสบความสำเร็จ การหารือเรื่องการคว่ำบาตรไม่ช่วยสร้างบรรยากาศที่สร้างสรรค์
รัฐบาลสหรัฐและกลุ่มนาโตจัดการเจรจากับรัสเซีย 2 รอบในสัปดาห์นี้ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดกรณียูเครน เนื่องจากรัสเซียวางกำลังทหารนับแสนนายไว้ที่ชายแดน แต่การพูดคุยซึ่งครั้งแรกจัดที่เจนีวาเมื่อวันจันทร์ และครั้งที่ 2 ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันพุธ ไม่ได้ผลลัพธ์เป็นชิ้นเป็นอัน การเจรจารอบที่ 3 กับองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) จัดที่กรุงเวียนนาในวันนี้มีแนวโน้มว่าจะไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญเช่นกัน
เซอร์เกย์ เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นผู้แทนเจรจาของรัสเซียในการประชุม 2 รอบ กล่าวกับสถานีอาร์ทีวีไอภาคภาษารัสเซียในวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียไม่เห็นเหตุผลที่จะจัดการพูดคุยด้านความมั่นคงรอบใหม่กับตะวันตกอีก เนื่องจากแทบไม่มีความคืบหน้าเลย
ข้อเสนอการรับประกันความมั่นคงในยุโรปที่มอสโกว์เสนอไปเมื่อปีที่แล้ว เน้นเรื่องข้อห้ามในการขยายสมาชิกนาโต การจำกัดการวางขีปนาวุธนิวเคลียร์ และการสิ้นสุดกองทหารนาโต้ที่ประจำการในดินแดนของประเทศอดีตสนธิสัญญาวอร์ซอว์ แต่สหรัฐเพิกเฉยและแสดงท่าทีไม่ยอมรับแต่แรก แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐถึงขนาดบอกว่า สหรัฐไม่เคยสัญญาว่าจะไม่ขยายนาโต ทั้งๆที่มีระบุในสนธิสัญญาวอร์ซอว์ครั้งสหรัฐทำกับสหภาพโซเวียตในอดีตปี 1997/2540
อเล็กซานเดอร์ กรุสโก(Alexander Grushko) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนรัสเซียในการเจรจากับ NATO กล่าวว่ารัสเซียพบว่าการเรียกร้องของนาโตเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
เขากล่าวว่า“หากนาโต้ใช้นโยบายกักกัน เราก็จะมีนโยบายต่อต้านการกักกัน หากมีการยับยั้งเรา เราก็จะมีการต่อต้านการยับยั้ง หากมีการค้นหาช่องโหว่ในระบบป้องกันของรัสเซีย ก็จะมีการค้นหาช่องโหว่ใน NATO ด้วย นี่ไม่ใช่ทางเลือกของเรา แต่จะไม่มีทางอื่นหากเราล้มเหลวในการเจรจา
กรุสโกย้ำว่า “รัสเซียจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อป้องกันภัยคุกคามด้วยวิธีการทางทหาร หากมันไม่ได้ผลด้วยวิธีการทางการเมืองการทูต มันเป็นวิธีเดียว”