รัสเซียฟาดเมกา!?การทูตสองหน้าเจรจาวิกฤตยูเครนไม่จริงใจ ดันนาโตเคลื่อนไหวทหารไม่หยุด

1004

วันนี้สหรัฐอเมริกา-รัสเซียเริ่มหารือสถานการณ์ยูเครน แค่ยกแรกรัสเซียก็อ่านเกมออกแล้วว่าแค่ซื้อเวลาไร้ข้อตกลงสำคัญอย่างจริงใจ  เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของรัสเซียยืนยันหลังคุย พบว่า“ไม่อาจคาดหวัง” กับผลการหารือร่วมกับสหรัฐยกแรกทั้งสามครั้งของปีนี้ ทั้งที่เมืองเจนีวาในสวิตเซอร์แลนด์ หรืออื่นๆและประกาศ “รัสเซียไม่มีทางยอมจำนน” ให้กับการกดดันฝ่ายเดียวของรัฐบาลวอชิงตันอย่างแน่นอน

 

วันที่ 9 ม.ค.2565 สำนักข่าวเอเอฟพีและรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า สหรัฐอเมริกาและรัสเซียเริ่มต้นหารือ เกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ โดยตะวันตกกดดันหนักขึ้น ให้มอสโกถอนกำลังออกจากแนวชายแดน ขณะที่เครมลินต้องการข้อตกลงความมั่นคงใหม่ที่ครอบคลุมว่าจะไม่รุกล้ำอธิปไตยรัสเซีย และไม่ให้นาโตขยายกำลังทหารในยุโรปและเพิ่มยูเครนเข้าเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเจรจาทางการทูตก็คุยไป  ส่วนสายเหยี่ยวอย่างรมว.ต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคนประกาศชัดเจนว่า การเจรจาจะไม่มีความคืบหน้าตราบที่รัสเซียยัง “เอาปืนจ่อหัวยูเครน” สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญว่า การหารือมีเป้าหมายเพื่อซื้อเวลาป้องกันไม่ให้วิกฤตยูเครนเลวร้ายลง มากกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงสำคัญ

เซอร์เก ริบคอฟ(Sergey Ryabkov) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวว่ารู้สึกผิดหวังที่กลุ่มตะวันตกไม่เข้าใจมอสโกและไม่คาดหวังว่าการเจรจาในนัดอื่นๆจะมีผลเปลี่ยนแปลงมุมมองของสหรัฐและตะวันตก หากสหรัฐฯ และ NATO หันไปใช้แรงกดดันและข่มขู่แทนการเจรจา นั่นจะทำให้การเจรจาหยุดชะงัก ไม่มีทางที่รัฐบาลมอสโกจะเป็นฝ่ายยอมอะลุ้มอล่วย ให้กับเงื่อนไขและแรงกดดันของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียว

“และแน่นอน สำนักเลขาธิการ NATO กำลังเพิ่มไฟขัดแย้ง ในบางครั้งอาจมีไฟลุกโชนในเรื่องนี้ แต่เราได้เห็นที่แย่กว่านั้นแล้ว และสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้รัสเซียเสียสมดุล เราจะอธิบายเหตุผลของเราอย่างต่อเนื่อง และนำเสนอข้อโต้แย้งเพื่อสนับสนุนจุดยืนของเราต่อไป”

 

การหารือระดับสูงนี้เป็นการโหมโรงสู่สัปดาห์ทางการทูตที่รัสเซียจะต้องร่วมประชุมกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี)

นับจากปลายปีที่แล้ว สหรัฐและตะวันตกโหมกระพือข่าว รัสเซียระดมทหารหลายหมื่นนายที่แนวชายแดนติดกับยูเครนกำลังจะบุกยูเครน  โดยไม่มีการเสนอข่าวด้านสหรัฐและนาโต เคลื่อนไหวทางทหารรอบบ้านรัสเซีย และส่งทหารซ้อมรบกับยูเครนถี่ พร้อมส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ อีกทั้งรัฐสภาอนุมัติงบฯให้เหมือนที่อนุมัติงบฯให้อิสราเอล เท่ากับหนุนหลังอย่างโจ่งแจ้ง 

ด้านรัสเซียเรียกร้องให้นาโตรับประกันว่า จะไม่แผ่ขยายอิทธิพลทางด้านตะวันออก หรือตั้งฐานทัพเพิ่มในประเทศอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตอีกทั้งจะไม่ขยายสมาชิกนาโตเพิ่มโดยการรับยูเครนและอื่นๆเข้ามาอีก ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นการคุกคามต่อประเทศรัสเซียโดยตรง และยืนยันจะไม่ยอมอ่อนข้อให้สหรัฐและนาโตโดยเด็ดขาด

 

แค่เริ่มต้นสหรัฐก็แสดงท่าทีแล้วว่าการเจรจาจะไม่เกิดผลเปลี่ยนแปลงอย่างไร และนาโตก็ประกาศเดินหน้าทางทหารอย่างแข็งกร้าว

เวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ ตกลงหารือแม้ระบุชัดเจนว่า ข้อเสนอจำนวนมากของมอสโกไม่มีทางเป็นไปได้

ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อเรียกร้องของมอสโกเป็น “การปั่นหัว” และยืนกรานว่า การเจรจาจะไม่มีความคืบหน้าตราบที่รัสเซียยัง “เอาปืนจ่อหัวยูเครน”

รัสเซียโต้กลับทันควันว่า สหรัฐฯน่าจะส่องกระจกดูตัวเองว่า ทำอะไรก่อนจะวิจารณ์รัสเซีย เพราะการเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียเป็นไปเพื่อปกป้องตนเองขณะที่สหรัฐและนาโตยั่วยุสงครามและเป็นฝ่ายตั้งปืนจ่อหัวรัสเซียมากกว่า

นอกจากนั้น ในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์ 2 ครั้ง ปูตินได้เติอนไบเดนว่า สหรัฐควรตึกตรองให้ดีว่าจะรบกับรัสเซียจริงหรือ และนาโตจะต้องเจอนรกถ้าจะสู้กับรัสเซีย ขณะที่ไบเดนบอกกับปูตินว่า สนับสนุนการเจรจาและฟื้นฟูสนธิสัญญาสันติภาพมินส์ แต่เวลาโฆษกทำเนียบขาวแถลงข่าว บอกสื่อว่าไบเดนขู่ปูตินจะต้องเผชิญผลลัพธ์ร้ายแรงหากรัสเซียบุกยูเครน อย่างกับหนังคนละม้วน ซึ่งเรื่องนี้รัสเซียเห็นธาตุแท้สหรัฐอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว  แต่ก็ต้องยืนยันเรื่องการเจรจา ขณะที่เตรียมซ้อมรบ และตั้งการ์ดทางทหารขั้นสูงเตรียมพร้อมแล้วทั้งทางบกอากาศและทางทะเล

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เตือนว่า วอชิงตันอาจส่งทหารไปประจำการในประเทศสมาชิกนาโตทางด้านตะวันออกเพิ่ม เช่น โปแลนด์ และประเทศในแถบบอลติก หากรัสเซียบุกยูเครน

ยูริ ยูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของปูติน เตือนหลังจากประมุขเครมลินคุยโทรศัพท์กับไบเดนว่า ถ้าอเมริกาแซงก์ชันจะถือเป็นความผิดพลาดมหันต์ด้านปูตินเอง ได้คุยประเด็นเรื่องนี้กับไบเดนแล้วว่า ถ้าแซงก์ชั่นอย่างที่ขู่ก็เป็นอันตัดสัมพันธุ์กันแน่