สหรัฐร้าวลึก??การเมืองน้ำเน่า ไบเดน-ทรัมป์สาดโคลนกันเละ จอมโกหกอันธพาลอ้างปชต.

1449

ครบรอบปีวันม็อบบุกสภา ‘ไบเดน’ ฉะ ‘ทรัมป์’ โกหก-ขี้แพ้ชวนตี ลั่นจะไม่ยอมให้ใคร ‘เอามีดจ่อคอหอยประชาธิปไตย’ ขณะทรัมป์แฉ ไบเดนเล่นละครการเมืองโกงเลือกตั้งยังมีหน้าอ้างปกป้องประชาธิปไตย แต่ดูเหมือนว่าพรรคเดโมแครตจะวิตกว่าหากปล่อยทรัมป์ลงสมัครแข่งชิงปธน.ปี 2024 อาจเข้าวินเพราะทำโพลสำรวจกี่ครั้ง คนอเมริกันยังนิยมทรัมป์มาก ทำให้พรรครีพับลิกันยังไม่แสวงหาคู่ชิงคนใหม่ แม้มีฝ่ายต้านทรัมป์ในพรรคออกมาเคลื่อนไหวก็ตาม ล่าสุดฝ่ายการเมืองที่ทั้งเกลียดและกลัวทรัมป์ เตรียมเล่นงานคดีอาญาทรัมป์ให้ตายสนิททางการเมือง ต้องจับตาต่อไปว่า อเมริกาจะเป็นอย่างไรเมื่อพรรคใหญ่แตกแยกสาหัสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลให้คนอเมริกันแตกร้าวลงลึกยากประสาน

วันที่ 6 ม.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปธน.โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ แถลงเนื่องในวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์ม็อบบุกรัฐสภาที่ “แคปปิตอล ฮิลล์” เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 โดยวิจารณ์อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า “พูดโกหก” และมีเจตนาล้มผลเลือกตั้งเมื่อปี 2020 

ไบเดนระบุว่า อดีตผู้นำพรรครีพับลิกันรายนี้เป็นพวก “อีโก้สูง” ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และเกือบจะทำลายระบอบประชาธิปไตยอเมริกันจนย่อยยับเมื่อเขาปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนบุกเข้ามาก่อจลาจลในรัฐสภา เพื่อสกัดไม่ให้สภาคองเกรสรับรองชัยชนะของตน

“มันคือการก่อจลาจลที่ใช้อาวุธ” ไบเดน แถลงสรุปที่ห้องสเตชัวรี่ฮอลล์ (Statuary Hal) ในอาคารรัฐสภา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนที่ถือธงเชียร์ทรัมป์ได้ฝ่าด่านตำรวจเข้ามา และทำให้บรรดา ส.ส.ต้อง วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างอลหม่าน เขากล่าวว่า “เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ปธน.ไม่เพียงแพ้เลือกตั้ง แต่ยังไม่ยอมให้มีการถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบด้วย”“ผมจะไม่ยอมให้ใครเอามีดมาจ่อคอหอยระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป”

น้ำเสียงของ ไบเดน เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยว ขณะที่เขาสาธยายถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ

ไบเดน กล่าวพร้อมระบุว่า“อดีตปธน.แห่งสหรัฐอเมริกาได้สร้างและเผยแพร่ถ้อยคำโกหกหลอกลวงเกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020” “เขาเห็นอำนาจสำคัญมากกว่าหลักการ” ทรัมป์นั่งดูสถานการณ์ทุกอย่างผ่านจอโทรทัศน์อยู่ในห้องรับประทานอาหารส่วนตัว ซึ่งติดกับห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว และไม่คิดที่จะทำอะไรเลย เขาจะต้องรับผลจากสิ่งนี้

ทางฝั่ง ทรัมป์ ซึ่งยังใช้เวลาตลอดปีที่แล้วเผยแพร่สาเหตุที่ตนแพ้เลือกตั้งว่ามีการโกงอย่างมโหฬาร ออกมาโต้กลับทันควันว่าสิ่งที่ ไบเดน พูดมาทั้งหมดเป็นแค่ “ละครปาหี่การเมือง” และย้ำว่ามีการก่อ “อาชญากรรมการเลือกตั้ง”จริง

ทรัมป์ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์โอเอเอ็น(OAN) ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 นั้นเต็มไปด้วยการ “ทุจริต” และมีการ “โกงคะแนนหลายแสนคะแนนเกิดขึ้นในบางรัฐ”

หลังจากการแถลงของปธน.นางเจน ซากี โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.โจ ไบเดน เห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการและตัดสินว่า อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์สมควรได้รับผลลัพธ์อย่างไรในกรณีที่เขามีบทบาทในเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภา

ปัญหาที่ดำรงอยู่ในการเมืองภาคสังคมของของโจ ไบเดนคือเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่โหวตไม่เลือกเขา ยังมองว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของเขานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความจริงข้อนี้ได้รับการยอมรับจากอดีตปธน.จิมมี่ คาร์เตอร์แห่งพรรคเดโมแครต ซึ่งเขียนบทความลงในนิวยอร์กไทมส์ว่า “ผู้ที่ต่อต้านไบเดนได้เข้ายึดครองพรรคการเมืองหนึ่งพรรคและจุดชนวนความไม่ไว้วางใจในระบบการเลือกตั้งของอเมริกา” ซึ่งก็หมายถึงพรรครีพับลิกันนั่นเอง

คาร์เตอร์ตั้งข้อสังเกตว่าคนกลุ่มเดียวกันนี้สนับสนุนนักการเมืองที่“ใช้ประโยชน์จากความไม่ไว้วางใจที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อออกกฎหมายที่ส่งเสริมสภานิติบัญญัติส่งพรรคพวกเข้าไปแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้ง” 

การเลือกตั้งปี 2020 แทนที่จะส่งเสริมความเชื่อสากลในระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา กลับปลูกฝังแนวคิด “ชนะด้วยวิธีการใดๆย่อมทำได้” ซึ่งคาร์เตอร์กลัวว่าจะคุกคามทำลายรากฐานความมั่นคงและประชาธิปไตยของสหรัฐด้วยความเร็วอันน่าวิตก

ความแตกแยกทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาไม่ได้เลวร้ายและมืดมนขนาดนี้มาตั้งแต่ครั้งก่อนเกิดสงครามกลางเมือง อเมริกากำลังใช้อารมณ์ตัดสิน ไม่ใช่เหตุผล ซึ่งรัฐธรรมนูญถูกอ้างถึงโดยไม่คำนึงถึงเนื้อหาที่แท้จริงและการตีความทางกฎหมายที่ตรงไปตรงมา  ยิ่งพรรคเดโมแครตโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์มากเท่าไร ฐานของทรัมป์ก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นเท่านั้น คาร์เตอร์สรุปไว้ในตอนท้ายบทความ

คำแถลงของสว.ลิซ เชนีย์(Liz Cheney)แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านทรัมป์ในพรรค เสนอบทลงโทษอาญากับอดีตปธน.ทรัมป์ และวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของทรัมป์ในการดำรงตำแหน่ง เปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองกับชาวอเมริกันทุกคน มากกว่าจะทำให้ผู้สนับสนุนทรัมป์เชื่อในสิ่งที่เธอนำเสนอ  ความคิดเห็นของเชนีย์ตรงกับปธน.ไบเดนโดยไม่ได้นัดหมาย??