หลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงเหตุการณ์ที่สาวรายหนึ่ง วิ่งฝ่าเข้าไปใกล้ขบวนรถพระที่นั่งของในหลวง-พระราชินี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ธ.ค. 2564 โดยต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าไปประกบ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์แล้วนั้น เบื้องต้นมีความชัดเจนอย่างแหล่งข่าววงในแล้วว่า แท้จริงแล้วสาวคนดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้มีข้อมูลเปิดเผย จากวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารและสื่อประจำทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า เธอชื่อนางสายไฉ ไพยะราด เป็นชาวลาว อายุ 44 ปี มาจากแขวงสะหวันนะเขต เข้าไทยเมื่อปี 2559 พร้อมกับสามีและลูกชายหนึ่งคน จากการตรวจสอบมือถือของเธอ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก
เธอบอกว่า เธอมีความรักศรัทธาและเทิดทูนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ที่จะเข้าไปทำการที่ไม่เหมาะสม ที่วิ่งเข้าไปนั้นเพราะว่าดีใจที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่พระองค์จริง
เมื่อเจ้าหน้าที่พูดคุยกับเธอมากขึ้น พบว่าเธออาจมีสภาพจิตไม่ปกติ เพราะช่วงนึงเธอเล่าว่า เธอได้คุยกับพระองค์ผ่านทางมือถือและแอพไลน์ และเมื่อความนี้ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านมีพระเมตตาโดยมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแล และนำเธอไปรักษาตัว มีอะไรให้ช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลือ เพราะถือเป็นชาวลาวที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอาศัยอยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเธออาจจะเป็นสาวสามกีบหรือไม่นั้น เนื่องจากมีพฤติกรรมแปลก ๆ หลายอย่าง แต่เมื่อสังคมทราบถึงข้อเท็จจริงแล้ว ก็ซาบซึ้งในพระเมตตาของในหลวง ที่มีต่อพสกนิกรทั้งหลาย แม้จะไม่ใช่คนไทยก็ตาม