หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ เดินทางออกจากโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์ รีด แล้วเมื่อเวลา 18.40 น.ของวันจันทร์ (5 ต.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หลังจากเข้าพักรักษาอาการโควิด-19 ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ทางด้านนายแพทย์ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาว แถลงช่วงบ่ายของวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 74 ปี มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนดที่ให้ผู้ป่วยสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ และแม้ผู้นำสหรัฐยังไม่หายขาดจากโควิด-19 แต่ก็สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านต่อได้ ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวรวมถึงการไม่มีไข้ในช่วง 72 ชม. ที่ผ่านมา และระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในระดับปกติ
นายแพทย์คอนลีย์ ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อกลับไปพักที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับการดูแลทางการแพทย์ตลอด 24 ชม.
ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศว่า การที่ตัวเขาติดโควิด-19 นั้นเป็นเหมือน “พรจากพระเจ้า” โดยในคลิปวิดีโอที่โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันพุธ ทรัมป์กล่าวว่า “พวกเขาให้ยาจากบริษัทรีเจเนรอน (Regeneron) แก่ผม … รวมถึงยาอื่น ๆ แต่ผมคิดว่านี่เป็นกุญแจสำคัญ และมันน่าเหลือเชื่อมาก ผมรู้สึกดี”
ในวิดีโอที่ถ่ายทำนอกสำนักงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ทรัมป์ได้บรรยายถึงการรักษาโควิด-19 ด้วยยาของรีเจเนรอนที่มีชื่อว่า “REGN-COV2” และการรักษาอื่น ๆ ว่าเป็น “การรักษาที่ทำให้ดีขึ้น”
A MESSAGE FROM THE PRESIDENT! pic.twitter.com/uhLIcknAjT
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) October 7, 2020
“ผมคิดว่านี่เป็นพรจากพระเจ้าที่ผมได้รับมัน เป็นพรที่ซ่อนอยู่ ผมติดโควิด-19 แล้วผมก็ได้ยินเกี่ยวกับยานี้ ผมก็บอกว่า “ให้ผมรับยานี้เถอะ” มันเป็นคำแนะนำของผมเอง ผมพูดว่า “ให้ผมรับยานี้” … ผมอยากให้สิ่งที่ผมได้รับแก่พวกคุณ และผมจะทำให้มันเป็นยาฟรี” ทรัมป์เสริม ก่อนจะกล่าวโทษจีนว่า ทำให้เกิดไวรัส และอธิบายว่าเขาจะให้กองทัพสหรัฐฯ แจกจ่ายยาแก่ประชาชน
ทั้งนี้มีรายงานจากทางการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งถูกเผยแพร่เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่าราวร้อยละ 30-50 ของอุตสาหกรรมร้านอาหารในนครนิวยอร์กซิตี้ จะปิดตัวถาวรในปี 2021 เนื่องด้วยผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 อุตสาหกรรมร้านอาหารได้รับผลกระทบหนักหน่วงจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19” รายงานระบุ
“คำสั่งให้กิจการต่างๆ ปิดทำการ ให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และรักษาระยะห่างทางสังคม จุดเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยขั้นรุนแรง และข้อจำกัดการเดินทาง ล้วนสร้างความเสียหายครั้งประวัติศาสตร์ต่ออุตสาหกรรมนี้ ผลลัพธ์คือร้านอาหารและบาร์จำนวนมากต้องปิดทำการหรือลดการดำเนินงานลงอย่างมาก เนื่องจากกิจการเหล่านี้มักได้กำไรไม่มากนักแม้ช่วงรุ่งเรือง ทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าอาจมีร้านอาหารและบาร์จำนวนมากต้องปิดตัวถาวร หากไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินในอนาคตอันใกล้