เขม็งเกลียวขั้นสุด??ปูตินประณามสหรัฐส่งขีปนาวุธให้ยูเครน ก่ออาชญากรรม ขณะกองทัพประชิดชายแดนแล้ว

1302

เมื่อคืนวานวลาดิมีร์ ปูตินปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐและตะวันตกว่า รัสเซียวางแผนที่จะยึดดินแดนยูเครนและระบุว่าการส่งจรวดขีปนาวุธให้ยูเครนเท่ากับ “ก่ออาชญากรรมทำลายล้างประเทศรัสเซีย” และการที่สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกสนับสนุนให้ยูเครนคุกคามดินแดนดอนบาส เท่ากับการส่งเสริมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซึ่งยุโรปจะต้องประสบความหายนะ

 

วันที่ 13 ธ.ค.2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน การประชุมกลุ่มG7 ที่ผลออกมาขู่รัสเซียยกใหญ่ว่า ห้ามรุกรานยูเครนเพราะจะโดนตอบโต้จากลุ่มG7อย่างร้ายแรงนั่นหมายถึงสนับสนุนให้ยูเครนถล่มดอนบาสนั่นเอง เรื่องนี้รัสเซียคงยอมไม่ได้ เพราะในพื้นที่พิพาทดอนบาส สองประเทศเกิดใหม่ที่อยู่ติดพรมแดนรัสเซียมีเชื้อชาติสลาฟพูดภาษารัสเซีย และแยกตัวจากยูเครนด้วยประชามติของประชาชนเขาเอง  แต่ยูเครนต้องการผนวกกลับคืน นั่นแน่นอนต้องใช้ความรุนแรงที่รัสเซียกล่าวว่า คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย 

ด้านสหรัฐและพันธมิตรแสดงท่าทีชัดแล้วว่า หนุนยูเครนเต็มที่ 

ลิซ ทรัสส์(Liz Truss) รัฐมนตรีต่างประเทศในฐานะเจ้าภาพการประชุม G7 แถลงข่าวในลิเวอร์พูลว่า “เราได้ส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังวลาดิมีร์ ปูติน แล้ว ต้องการให้รัสเซียยุติความก้าวร้าวต่อยูเครน และกลุ่มเจ็ดประเทศกำลังพิจารณาถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย 

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีนิวส์ว่า ‘สหรัฐฯพร้อมที่จะทำตามขั้นตอนที่เราได้ละเว้นจากการกระทำในอดีตในกรณีที่รัสเซียบุกยูเครน’

ขณะที่พูดว่า “จะ” ความจริงแล้วดำเนินการหนุนทางทหารแก่ยูเครนมาก่อนหน้าแล้ว สำนักข่าวทาซซ์ แห่งรัสเซียเปิดเผยเรื่องนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า  พันเอกแอนตัน เซเมลรอธ (Anton Semelroth) โฆษกเพนตากอน เปิดเผยว่า “เครื่องยิงจรวด ได้ส่งไปยังยูเครนเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2564 มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีเครื่องยิงสั่งการและควบคุมจาเวลิน(Javelin) 30 เครื่อง ขีปนาวุธ 180 ลูก นอกจากนี้ในปี 2564 สหรัฐฯ ได้จัดสรรเงินช่วยเหลือยูเครนมากกว่า 450 ล้านดอลลาร์เพื่องานด้านความมั่นคง  และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาล่างสหรัฐได้อนุมัติงบฯทางทหารสนับสนุนยูเครน 300 ดอลลาร์สหรัฐด้วย 

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของอังกฤษและพันธมิตรกลุ่ม G7 “ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำลายล้างรัสเซียอย่างไม่ต้องสงสัย” โฆษกเครมลินกล่าวเสริมว่า การโหมกระพือเรื่องราวที่น่ากลัวเรื่องรุกรานยูเคนโดยสื่อของสหรัฐฯ ที่ไบเดนพยายาม “ขู่เข็ญ” ปูตินนั้นไม่เป็นความจริง

เปสคอฟย้ำประเด็นเหล่านี้เมื่อวันเสาร์ โดยเน้นว่ารัสเซียมีอิสระที่จะเคลื่อนย้ายกองกำลังของตนไปประจำการ ตามที่ต้องการภายในอาณาเขตประเทศของตน แต่ในเวลาเดียวกันเครื่องบินรบของสหรัฐฯ กลับเข้าใกล้ชายแดนรัสเซีย-ยูเครนมากขึ้น และขีปนาวุธของอเมริกากำลังรุกเข้าใกล้สู่อาณาเขตของรัสเซีย พร้อมเตือนว่าการสนับสนุนของสหรัฐและพันธมิตร เท่ากับ“หนุนยูเครนแก้ไขข้อขัดแย้งในประเทศตัวเองโดยใช้กำลัง และมันจะเป็นหายนะอีกครั้งสำหรับยุโรป”

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน คิริลล์ บูดานอฟ ให้สัมภาษณ์สื่อเปิดเผยว่าระบบจาเวลิน (Javelin) ขั้นสูงที่ผลิตในสหรัฐฯ กองทหารของยูเครนกำลังใช้โดยทหารยูเครนในดอนบาสแล้ว

เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน อนาโตลี อันโตนอฟ เตือนทำเนียบขาวเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายแรงให้กับยูเครน อาจทำให้ความหวังสำหรับสันติภาพในภูมิภาคลดลง โดยระบุว่ามอสโกเชื่อว่า “ได้พลาดโอกาสในการให้เคียฟหยุดสงครามอีกครั้งแล้ว”

ความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกเริ่มต้นขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไมดาน (Maidan) ปี 2014 มีการรัฐประหารโค่นปธน.ที่มาจากการเลือกตั้งฝ่ายนิยมรัสเซีย และจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคนิยมนาซีใหม่ขึ้นกุมอำนาจโดยสหรัฐหนุนหลัง  ทั้งนี้นำไปสู่ การแยกตัวประกาศเป็น​​’สาธารณรัฐประชาชน’ ในรัฐย่อยโดเนตสค์และลูแกนส์ ประกาศอิสรภาพในที่สุด ทำให้เกิดข้อพิพาทชายแดนในเขตดอนบาสยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบัน และล่าสุดยูเครนแสดงอย่างชัดเจนว่าจะปราบปรามสองสาธารณรัฐเพื่อผนวกกลับคืนด้วยกำลังทหารและสหรัฐหนุนเต็มที่ เท่ากับบีบรัสเซียให้ไม่อาจนิ่งเฉยได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพื่อข้ออ้างปิดล้อมรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้ความขัดแย้งเขม็งเกลวระหว่างรัสเซีย-ยูเครน-สหรัฐ กลายเป็นจุดเปราะบางของสงครามร้อนอย่างไม่อาจมองข้ามได้??