จากที่สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความถึงนักโทษคดีสำคัญๆ ได้รับการลดโทษแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ บิ๊กเนมคดีทุจริตจำนำข้าวคดีทุจริตท่องเที่ยวฯลฯ ทุจริตก็ติดคุกกันแค่นั้น? กระบวนการยุติธรรมถูกบ่อนเซาะจนแทบไร้ความหมาย???
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าวเดอะทรูธ พบว่า เอกสารของประกาศราชกิจจาฯ ได้กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ นักโทษเด็ดขาดซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความประพฤติดี มีความอุตสาหะ มีความก้าวหน้า ในการศึกษา และทำการงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับการพิจารณาเลื่อนชั้น
การแต่งตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำ การลดขั้นต้องโทษ จำคุก การลดวันต้องโทษจำคุกลงอีกไม่เกินจำนวนวันที่ทำงานสาธารณะ หรือทำงานอื่นใดเพื่อประโยชน์ ของทางราชการนอกเรือนจํา การพักการลงโทษ การฝึกวิชาชีพในสถานประกอบการนอกเรือนจํา หรือ การรับการศึกษาอบรมนอกเรือนจํา โดยให้นำพฤติการณ์การกระทำความผิด ลักษณะความผิด ความรุนแรงของคดี และการกระทำความผิดที่ได้กระทํามาก่อนแล้ว มาประกอบการพิจารณา ให้ประโยชน์ในแต่ละกรณีด้วย
โดยให้ผู้บัญชาการเรือนจำแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการเลื่อนขั้นนักโทษชั้นเด็ดขาดประจำเรือนจำ ประกอบด้วยผู้บัญชาการเรือนจำเป็นประธาน และเจ้าพนักงานเรือนจำจำนวนไม่น้อยกว่าห้าคนเป็นคณะทำงาน และให้เจ้าพนักงานเรือนจำคนหนึ่งเป็นเลขานุการ
ทำให้นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ อย่างน่าพิจารณาว่า #การลดโทษของราชทัณฑ์ กรณีล่าสุด ที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะคดีรับจำนำข้าวและคดีอื่นๆ ได้รับการลดโทษ ซึ่งดำเนินการโดยกรมราชทัณฑ์
1.นายภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก 36 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8ปี ,2.นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ กำหนดโทษจำคุก 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 10 ปี ,3.นายมนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก 40 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8ปี ,4.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร(เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 6ปี 3 เดือน ,5.นางจุฑามาศ ศิริวรรณ กำหนดโทษ 75 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 9 ปี 5 เดือน
สิ่งที่ต้องช่วยกันพิจารณานั่นคือ การทุจริต ที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชาติ แม้จะผ่านกระบวนตุลาการโดยใช้เวลาหลายปี แต่สุดท้าย ก็ถูกกำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ ให้เหลือไม่กี่ปี
แบบนี้นักการเมืองจะไม่กลัวเรื่องโกง เพราะขนาดเป็นแสนล้านยังเหลือไม่กี่ปี น่าจะต้องมีการทบทวนระเบียบได้แล้ว โดยเฉพาะคดีทุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ขณะที่ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Nantiwat Samart” โดยระบุถึงเรื่องนี้ว่า “โกงแผ่นดินแสนล้าน กว่าศาลจะลงโทษแรมปี ติดคุกแปร๊บเดียว ลดโทษเร็ว โกงแผ่นดินควรลดโทษมั้ย”
ต่อมาเมื่อข้อความของอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองฯเผยแพร่ออกไปก็ปรากฏว่ามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ
เหรียญทอง แน่นหนา “เห็นด้วยกับพี่เป็นอย่างยิ่ง เพราะหน่อมแน้มช่วยเหลือกันอย่างนี้ มันจึงไม่เกรงกลัวกฎหมายกัน ชาติก็ไม่มีวันเจริญ คนทำดีซื่อสัตย์มันก็ท้อแท้กันไปหมด ผมเห็นข่าวนี้แล้วบอกพี่ตรงๆว่ารู้สึกท้อ”
ด้านนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดต่อกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกันว่า “ต้องยกเลิกระเบียบการขอพระราชทานอภัยโทษบางอ้อ โดยเฉพาะนักโทษโกงชาติ ให้เสมอล้มล้างราชวงศ์”
จากนั้นก็มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีบางข้อความที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ชวนให้ประชาชนคนไทย ตั้งคำถามในความน่าสงสัยในเรื่องดังกล่าวว่า
“เห็นด้วยค่ะ ควรแก้กฎหมายการขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ให้นักโทษข้อหาร้ายแรงประเภททำร้ายทำลายประเทศชาติไม่ว่ารูปแบบใด ได้รับการเสนอชื่อเข้าขอการอภัยโทษได้ง่ายๆ
คำตัดสินของศาลไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะขออภัยโทษได้ ซึ่งมีวาระมากมาย คนทำผิดหนักๆติดคุกไม่กี่ปีก็ออกได้แล้ว ไม่สมกับความผิดเลย”