ผู้ต้องขังคดี 112 ประกาศเลิกไม่อดข้าว-น้ำแล้ว เหตุปวดท้อง

3657

จากกรณีที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ประกาศอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวเข้าวันที่ 15 แล้ว นับตั้งแต่เขาประกาศอดอาหารเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ผ่านมา หลังถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ม.112 โดยศาลปฏิเสธให้ประกันตัวมาตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 64 แม้จะมีการยื่นประกันตัวถึง 5 ครั้ง

นอกจากนี้ หลังการแถลงต่อศาลถึงความอยุติธรรมที่เขาได้รับและประกาศอดอาหารในห้องพิจารณาคดี ยังถูก ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหาว่า ละเมิดอำนาจศาล และลงท้ายด้วยศาลมีคำสั่งให้จำคุก 1 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 15 วัน ก่อนพิจารณาให้กักขัง 15 วัน แทนโทษจำคุก และมีการนำตัวไปกักขังที่สถานกักขังกลางปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 64

ขณะที่วันนี้ (30 มี.ค. 2564) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์@TLHR2014 ระบุว่า พรชัย หนุ่มปกาเกอะญอ ผู้ต้องขังคดี #ม112 ที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ยุติการอดข้าวและน้ำ หลังมีอาการปวดท้องอย่างหนัก เพื่อนผู้ต้องขังพูดคุย “ข้างในนี้ไม่มีใครดูแลเราได้หรอก นอกจากตัวเราเอง” ตั้งเป้าหมายใหม่ ส่งต่อความคิดเรื่องสิทธิเสรีภาพไปยังเพื่อน ๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ศูนย์ทนายฯ รายงานอีกว่า นายพรชัย เริ่มอดข้าวและน้ำตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่มีอาการปวดท้องอย่างหนัก จนเพื่อนผู้ต้องขังเข้ามาสอบถาม และให้คำแนะนำว่าการดูแลตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จนกระทั่งนายพรชัยเปลี่ยนใจไม่อดข้าวประท้วงอีกต่อไปแล้ว

สำหรับ นายพรชัย วิมลศุภวงศ์ อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาชาว ต.แม่โถ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมที่หน้าอาคารชุดแห่งหนึ่งในซอยรัตนาธิเบศร์ 1 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.64 หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหา “ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายใต้ความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” โดยหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ระบุว่า “มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี”

อย่างไรก็ตาม นายพรชัย หนุ่มที่เผารูปหน้าศาลอาญา เป็นบุคคลคนเดียวกันกับ ที่พ่นสีรั้วหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2563 ด้วย ในส่วนความผิดที่เผาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 หน้าศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งความผิดในหมายจับระบุด้วยว่า “ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้รัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นและติชมโดยสุจริต