วัฒนาโวยคำพิพากษาคดีบ้านเอื้อ ปลุกทุกคนร่วมสู้? โบว์หงุดหงิด!ใครจะคิดโกงแบบปัญญาอ่อน

6707

จากที่วันนี้ (7 ต.ค.63)  นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และจำเลยคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงคดีดังกล่าว หลังได้ประกันตัวจากคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ผ่านมานั้น

ก่อนอื่นขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจและติดตามผลการพิจารณาคดีของผมด้วยใจเป็นธรรม หลายท่านได้อ่านคำพิพากษาฉบับย่อจากข่าวศาลฎีกา และได้แสดงความเห็นต่อคำพิพากษานั้นอย่างตรงไปตรงมา ผมขอขอบคุณอีกครั้ง

ผมตั้งใจจะสื่อสารรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้เมื่อได้รับสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็ม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถคัดสำเนาได้ จึงขอส่งข่าวให้ทุกท่านทราบก่อนว่า เรื่องนี้ “เพิ่งเริ่มต้น” ครับ

ผมไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาซึ่งก็คงจะเหมือนกับที่หลายท่านได้แสดงความเห็นแล้วว่า การพิพากษาคดีอาญาจะต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน จะใช้ข้อสันนิษฐานว่าผมต้องรู้ว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะนั่นคือการคาดเดาในทางที่เป็นผลร้ายกับจำเลย ที่ผมจะสู้ต่อจึงไม่ใช่เพียงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เพราะผมได้พิสูจน์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้วต่อศาล ไม่ใช่เพียงเพื่อชนะคดีแต่เพื่อยืนยันว่า หลักนิติธรรมคือสิ่งที่ต้องรักษาไว้ให้ชาติบ้านเมือง และศาลยุติธรรมจะต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับประชาชน

ผมจะใช้ทุกช่องทางตามกฎหมายในการต่อสู้คดี รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินคดี และการพิจารณาคดีนี้ร่วมกับพี่น้องประชาชน โดยจะพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่กระบวนการไต่สวนที่มุ่งหมายจะเอาผิด มีทั้งการข่มขู่พยาน การเลือกปฏิบัติ ทำคำเบิกความพยานเท็จ ซึ่งผมได้ต่อสู้ไว้ในศาลแล้วแต่ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา ผมจะเอาคำพิพากษามากางให้พี่น้องประชาชนได้ตรวจสอบกับพยานหลักฐานในสำนวน ผมเชื่อว่าประชาชนที่รักความเป็นธรรมจะพิพากษาคดีนี้ได้และจะเข้าใจทันทีว่า เพราะเหตุใดผมจึงไม่เคยขอเลื่อนคดีแต่กลับเร่งคดี เพราะเหตุใดผมจึงไม่หนี

ผมอยากให้ทุกท่านที่เห็นพยานหลักฐานได้ลองพิพากษาคดีนี้ไว้ในใจ เพื่อรอฟังคำพิพากษาอุทธรณ์พร้อมกันกับผมว่าตรงกับที่ทุกท่านได้พิพากษาไว้ในใจหรือไม่ มาสู้ร่วมกัน เรื่องนี้ “ยังไม่จบ” ครับ

ต่อมา โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้แชร์โพสต์ของนายวัฒนา ถึงคดีดังกล่าว พร้อมโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กด้วยว่า

เช้านี้บังเอิญได้เห็นบางข้อความ เขียนกันเป็นตุเป็นตะว่า รัฐมนตรีมีการเรียกรับเงินบ้านเอื้ออาทรหน่วยละ 11,000 บาท อันที่จริงนอกจากความจริงที่ว่าไม่มีพยานหลักฐานใดเลยจะแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นจริงได้ (ศาลจึงพิพากษาด้วยความเชื่ออย่างที่ได้อ่านกัน) วิญญูชนควรคิดได้ว่าไม่น่ามีมนุษย์คนไหนจะหาวิธีทุจริตได้ปัญญาอ่อนสิ้นคิดขนาดนั้น

ถ้าเราเป็นจำเลยก็คงหงุดหงิดว่า จะปรักปรำกันทั้งที หาวิธีใส่ร้ายที่ทำให้เราดูฉลาดกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ

ด้วย “ความจริง” ที่มันไม่มีทางหายไปไหนนั่นแหละ ที่ทำให้นักกฎหมายคนหนึ่งคิดว่าจะยังไงก็จะอยู่สู้ต่อไป ให้มันรู้กันไปว่าหลักแห่งความยุติธรรมจะไร้ค่าไร้ความหมายสำหรับผู้พิพากษาได้ครบทุกคนจริงเมื่อมีอำนาจเข้าแทรกแซงอย่างที่ใครๆว่ากัน ถ้าทั้งโลกบอกให้หนี เราจะเป็นคนสุดท้ายที่บอกให้สู้ มันสำคัญกับคนที่เหลือที่จะต้องได้เห็นเนื้อแท้ของวงการตุลาการอย่างสิ้นสงสัย

ที่มา : เฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana