‘สี’ เตือน ‘ไบเดน’!? อย่าเล่นกับไฟให้ท้ายไต้หวัน สหรัฐยืนยันรับรอง ‘จีนเดียว’

1122

ประเด็นที่โลกจับตามากที่สุดเรื่องหนึ่งเมื่อวานนี้คือ การพบกันของสองมหาอำนาจ สหรัฐและจีน โดยรวมถือว่าเป็นบวกทำให้ตลาดหลักทรัพย์และหลายฝ่ายหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แต่เรื่องร้อนที่จุดประกายความขัดแย้งคือเรื่องไต้หวัน การสนทนาระหว่างปธน.สี จิ้นผิง ของจีน กับปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐ ยืดยาวกว่า 3 ชั่วโมงเมื่อเช้าวันอังคาร หารือประเด็นปัญหาใหญ่ๆ ทั่วโลก แต่กรณีไต้หวันยังไม่มีอะไรใหม่ ปธน.สีย้ำเตือนว่าพวกที่ส่งเสริมเอกราชของไต้หวันกำลัง “เล่นกับไฟ” ขณะที่ปธน.โจ ไบเดนยืนยันว่าสหรัฐมีนโยบายยอมรับ “จีนเดียว” มีส่วนทำให้ท่าทีของฝ่ายบริหารไต้หวันไม่แข็งกร้าวเหมือนทุกครั้งที่สหรัฐและตะวันตกแสดงท่าทีสนับสนุนออกหน้า แถลงเรียกร้องขอให้มีการเจรจา

เมื่อวันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีฝ่ายตะวันตก รวมทั้งโกลบัลไทมส์และซินหัวฝั่งจีนรายงานว่า ผู้นำของสองชาติมหาอำนาจสนทนากันผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลในเวลาค่ำของวันจันทร์ตามเวลาวอชิงตัน ซึ่งตรงกับเช้าวันอังคารตามเวลาปักกิ่ง การสนทนานานร่วม 3 ชั่วโมงครึ่ง ยืดยาวกว่าที่คาดกันไว้ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเผยว่า ผู้นำทั้งสองสนทนากันอย่างให้เกียรติและตรงไปตรงมา

แม้ดูเหมือนว่าการเจรจาครั้งนี้จะไม่ปรากฏผลลัพธ์ในทันทีทันใด แต่ก็เปิดโอกาสให้ไบเดนและสีได้บรรเทาการเผชิญหน้าลงได้ ทั้งคู่หารือกันในหลายประเด็น ทั้งเกาหลีเหนือ, อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, ตลาดพลังงานโลก, การค้าและการแข่งขัน, สภาพภูมิอากาศ, ประเด็นทางทหาร, โรคระบาด และประเด็นปัญหาอื่นๆ ที่สองฝ่ายมักมีความเห็นไม่ลงรอยกัน

สำนักข่าวของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี ซึ่งไม่ได้ออกนอกประเทศนานเกือบ 2 ปีนับแต่โควิด-19 แพร่ระบาด เปรียบเทียบจีนและสหรัฐว่าเป็น “เรือขนาดใหญ่ 2 ลำที่แล่นอยู่ในทะเล” ซึ่งจำเป็นต้องแล่นอย่างมั่นคงเพื่อไม่ให้ชนกัน

ส่วนไบเดนก็เห็นด้วยกับการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยกล่าวว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้นำทั้งสองที่จะรับประกันว่าการแข่งขันระหว่างสองประเทศจะไม่หันเหไปเป็นความขัดแย้ง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม

ประธานาธิบดีสี ซึ่งเรียกประธานาธิบดีไบเดนว่าเป็น “เพื่อนเก่า” กล่าวว่า จีนและสหรัฐต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น “เราเผชิญความท้าทายหลายอย่างร่วมกัน ในฐานะที่เป็นสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนและสหรัฐต้องสื่อสารและร่วมมือกันมากขึ้น” ข้อความที่สีกล่าวผ่านล่าม ก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะปิดห้องสนทนากันเป็นการภายใน

ประเด็นที่เป็นหัวข้อร้อนแรงที่สุดซึ่งสองฝ่ายคิดเห็นต่างกันคือไต้หวัน ซึ่งทำเนียบขาวเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้ย้ำอีกครั้งงว่า สหรัฐสนับสนุนนโยบาย “จีนเดียว” แต่ขณะเดียวกัน เขาคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อความพยายามโดยฝ่ายเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ หรือบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน

ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ประธานาธิบดีสีได้เตือนไบเดนไปเช่นกันว่า การส่งเสริมเอกราชของไต้หวันจะเป็น “การเล่นกับไฟ”

สีกล่าวว่า”บางคนในสหรัฐตั้งใจ ‘ใช้ไต้หวันมาควบคุมจีน’ กระแสนี้อันตรายมากและเหมือนกับการเล่นกับไฟ พวกที่เล่นกับไฟจะโดนไฟไหม้” ซินหัวอ้างคำกล่าวของสี ซึ่งคุยกับไบเดนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 นับแต่ปธน.โจ ไบเดนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีสีตอกย้ำว่า “จีนอดทนและแสวงการรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจและความพยายามอย่างยิ่ง หากผู้คิดแบ่งแยกดินแดนไต้หวันยั่วยุหรือแม้แต่ล้ำเส้น เราจะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” 

ที่ผ่านมาจีนคัดค้านความพยายามของวอชิงตันในการผลักดันให้ไต้หวันมีส่วนร่วมในองค์กรระหว่างประเทศมากขึ้น และการประกาศของไบเดนเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะปกป้องไทเปยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น

นอกจากนี้ประธานาธิบดีไบเดนได้กล่าวถึงประเด็นที่จีนมองว่าเป็นเรื่องภายในของจีนด้วย ทั้งกรณีทิเบต, ฮ่องกง และซินเจียง ที่ไบเดนแสดงความ “กังวล” กรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปราบปราม

กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันมีท่าทีไม่แข็งกร้าวเหมือนที่ผ่านมา ที่ประกาศพร้อมชนจีนเมื่อสหรัฐและตะวันตกหนุนหลัง  หลังการสนทนาของผู้นำมหาอำนาจทั้งสอง  ไต้หวันหวังว่า จีนจะยอมรับ “ความรับผิดชอบร่วมกัน” ในการรักษาสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน และแก้ไขความแตกต่างผ่านการสานเสวนา ทำให้โกลบัลไทมส์สื่อทางการจีน ออกบทบรรณาธิการสวนทันทีว่า ฝ่ายที่ปลุกระดมความขัดแย้งไม่ใช่จีน และผู้ที่ควรรับผิดชอบต่ออะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นคือ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่หวังแยกไต้หวันเป็นเอกราชต่างหาก