ป่วนหนัก! ศาลสั่งส.ส.1ในก๊วน “ธรรมนัส” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะกกต.ยังไม่รับรองมติพปชร.!

1366

ป่วนหนัก! ศาลสั่งส.ส.1ในก๊วน “ธรรมนัส” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะกกต.ยังไม่รับรองมติพปชร.!

จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (21 มกราคม 2565) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐมีมติขับ 21 ส.ส.ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคว่า ตนยังไม่เห็นมติ เขาขับกันจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกจะกลับเข้ามาสังกัดพรรคเดิมสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุหัวเราะ พร้อมกับกล่าวว่า เป็นเรื่องตลกแต่ในแง่กฎหมายทำได้ แต่เมื่อถูกขับออกแล้วก็ต้องไปหาสังกัดพรรคการเมืองภายใน 30 วันแม้ว่าพรรคนั้นยังไม่มีส.ส.เลยก็สามารถไปสังกัดได้แต่พรรคเก่าที่ไล่ออกไปแล้วนั้นรับกลับเข้ามาใหม่ถือเป็นเรื่องตลก แต่เมืองไทยก็มีเรื่องตลกเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยขั้นตอนการมีมติขับออกจากพรรคต้องแจ้ง กกต. และตอนนี้ยังไม่เสร็จสิ้นในขั้นตอนดังกล่าว ไม่ใช่ว่ามีมติขับออกปั๊บแล้วไปเลย กกต.จะต้องรับรองก่อน

เมื่อถามว่าหากพรรคมีมติขับส.ส.ออกแต่องค์ประกอบการขับไม่ครบนั้นจะเป็นอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ถือว่าการขับออกยังไม่เป็นผล ขณะเดียวกันหากผู้ที่ถูกขับออกไม่ยอมแล้วไปร้องศาลในอดีตก็เคยมีมาแล้วสามารถทำได้และชนะคดีด้วย กลายเป็นว่าขับไม่ได้ แต่บังเอิญครั้งนี้ฝ่ายอยากขับออก อีกฝ่ายหนึ่งอยากไป พอขับปั๊บอีกฝ่ายก็ไชโย จึงไม่มีอะไรประท้วง ส่วนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐเพื่อขับส.ส.ออกนั้นจะต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วันนั้น เป็นเรื่องข้อบังคับของพรรค ไม่ใช่ข้อกฎหมาย

นอกจากนี้ เมื่อถามว่าหากผู้ที่ถูกขับออกจากพรรคจะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคที่ขับออกได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หากไม่พอใจในมติที่ถูกขับก็ มีวิธีการคัดค้าน เช่น ร้องศาลรัฐธรรมนูญก็ทำได้ แต่กรณีนี้ดูจะยินดีปรีดาปราโมทย์และทั้งฝ่ายขับออกและฝ่ายที่ถูกขับจึงไม่มีประเด็น แต่ถ้ากลับเข้ามาใหม่อีก ตรงนี้ถือว่ามีประเด็น ทั้งนี้หากมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ เงื่อนเวลา 30 วันก็จะต้องชะงักไว้ก่อน

เมื่อถามว่าหากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องการเอา 21 คนที่ขับออกจากพรรคเข้าร่วมรัฐบาล จะสามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่แปลกอะไร การเมืองกลับไปกลับมาได้เสมอ ในอดีตเคยมี รัฐมนตรีโกรธกัน งอนกันแล้วลาออก เวลาปรับครม.ก็กลับเข้ามาใหม่ เป็นไปได้ทั้งนั้นไม่มีปัญหา

“การเมืองในสภาเป็นเรื่องของตัวเลข อยู่ที่ว่าจะสวิชหรือสวิงไปยังไง แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับครม.หรือไม่ ไม่รู้ เหมือนกับกรณีนายกฯในอดีตพลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ลาออก เมื่อปี 2533 เดือนธันวาคม พอตั้งรัฐบาลใหม่พลเอกชาติชายก็กลับเข้ามาเป็นนายกฯอีกสมัย จนกระทั่งเกิดรสช. บางทีถือเป็นการดีด้วยซ้ำสามารถปรับครม.ได้”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แต่มีชื่อว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยด้วยนั้น ในแง่กฎหมายถือว่าทำได้หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นสมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคพร้อมกัน 2 พรรคไม่ได้ ถ้าเป็นสมาชิกอีกพรรคหนึ่งและเป็นที่ปรึกษาอีกพรรคหนึ่งสามารถทำได้ไม่แปลก เหมือนคนเก่งๆไปเป็นที่ปรึกษาให้ และตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามว่าคิดว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน”จะหมดไปหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าต้องไปถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคยตอบไว้ดีมาก ว่า อาจารย์วิษณุไม่ใช่ช่าง แต่ผมเป็นวิศวกร รู้ว่าเอาอะไรฉีดสนิมถึงจะออกหมด แล้วเอากระดาษทรายขัด สื่อถามว่าแล้วตอนนี้ต้องใช้อะไรฉีด นายวิษณุ กล่าวติดตลกว่าไม่รู้ ใช้ไบก้อนมั้ง ไล่แมลงสาป

เมื่อถามว่า วันนี้รัฐบาลยังเป็นเรือเหล็กลำเล็กหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่รู้ และเรือเล็กจะกลายเป็นขอนไม้หรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มันมีเพลงลูกทุ่งของบ่าววี ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าชื่อใช่เพลง “ขอนไม้กับเรือ” หรือไม่ นายวิษณุ พยักหน้าและหัวเราะ ทำให้ผู้สื่อข่าวแซวว่า “อาจารย์วิษณุอ่านการเมืองขาดจริงๆ” ก่อนที่นายวิษณุจะขึ้นรถกลับ

ในขณะที่ทางด้าน เว็บไซต์ศาลฎีกา ได้มีประกาศศาลฎีกา เรื่องแจ้งวันนัดพิจารณาด้วยคดีเลือกตั้งหมายเลขดำที่ลตสส 1/2565 ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นร้อง “นายวัฒนา สิทธิวัง” ส.ส. ลำปาง 1 ใน21 ส.ส.ที่ถูกมติพรรคพลังประชารัฐขับออกพร้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้คัดค้าน

เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ขอให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณา นัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 15 ก.พ.2565เวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดีที่  5 ศาลฎีกา ประกาศวันที่ 20 ม.ค.65

สำหรับผลทางกฎหมายหากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องเเละไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นส่งผลให้ “นายวัฒนา” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยศาลจะส่งคำสั่งไปยังรัฐสภาวันที่ 24 ม.ค.นี้

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา  เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.กรณีมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 ใหม่แทน “นายวัฒนา สิทธิวัง” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 133 และให้ดำเนินคดีอาญากับนางเกี๋ยงมา ปุพพโก ตามมาตรา 73(1) ประกอบมาตรา 158 ของกฎหมายเดียวกัน

จากกรณี กกต.สอบสวนแล้วเห็นว่า วันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่บ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง นางเกี๋ยงมาได้มอบธนบัตรซึ่งเย็บติดกัน จำนวน 2 ชุด ชุดละ 300 บาท ให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งจริง

โดยจากการตรวจสอบคลิปวิดีโอประกอบคำร้องฟังได้ว่า นางเกี๋ยงมาให้เงิน จำนวน 600 บาท กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งดังกล่าวเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับ “นายวัฒนา” ตามข้อกล่าวหา จึงเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านางเกี๋ยงมาทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจะเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายวัฒนา

ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73(1) โดยนายวัฒนาได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนางเกี๋ยงมา เป็นเหตุให้การเลือกตั้ง ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ลำปาง แทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และจากการที่นายวัฒนา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ทำให้ ส.ส. ในซุ้มของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ได้ เช่นการโหวตลงคะแนนเสียงในเรื่องต่างๆในที่ประชุมสภาผู้แทนฯ เหลือเพียง 19 คน