6 กูรูทหารสหรัฐฟาด??กองทัพมะกันเสื่อม ขวัญกำลังใจทหารหด รบจีน-รัสเซียมีแต่แพ้ยับ

1400

แม้ว่าปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯจะกำหนดให้จีนและรัสเซีย เป็นภัยคุกคามสหรัฐสำหรับฝ่ายบริหารของเขา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศของสหรัฐฯ และนายทหารที่เกษียณอายุแล้ว มองต่างและพากันเตือนวอชิงตันต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ให้ปะทะทางทหารกับทั้งจีนและรัสเซีย  พร้อมทั้งย้ำว่า วอชิงตันยังไม่พร้อมที่จะทำสงครามตามแบบแผนกับมอสโกและปักกิ่ง เพราะสมรรถภาพของอาวุธและคุณภาพของกองทหารที่ขาดขวัญกำลังใจ ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากัน ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ล้ำสมัยอย่างเต็มรูปแบบด้วยซ้ำ

เดวิด เพน (David Pyne) ผู้บริหารองค์กร National Interest ตำหนิการตัดสินใจของวอชิงตันที่จะขยาย NATO ไปยังยุโรปตะวันออกในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยยืนกรานว่าเป็นความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ที่ผลักดันให้มอสโกและปักกิ่ง กลับมาใกล้ชิดกันและกัน

ในทำนองเดียวกัน เอ็ดเวิร์ด เกสท์(Edward Geist) นักวิจัยด้านนโยบายของ หน่วย อาร์เอเอ็นดี(RAND Corporation) คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะพ่ายแพ้ทางทหารแน่นอน หากสหรัฐฯ ต่อสู้กับรัสเซียในยุโรปหรือจีนเหนือไต้หวัน 

ในขณะที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ เอ เวสส์ มิทเชล (A. Wess Mitchell) ยืนยันในเดือนสิงหาคม 2564 ว่า”การหลีกเลี่ยงสงครามสองหน้ากับจีนและรัสเซีย จำเป็นต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ ของวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์ร่วมสมัยของสหรัฐฯ”

แดเนียล กูร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานความสามารถในการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ในสำนักงานกระทรวงกลาโหม(Daniel Goure, former director of the Office of Strategic Competitiveness) ตั้งแต่ปี 2534 ถึง 2536 ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความไร้ความสามารถของกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ ในการเอาชนะคู่แข่งชาวรัสเซียในความขัดแย้งที่สมมติขึ้นในยุโรป 

ดร.พอล เครก โรเบิร์ตส์ (Dr Paul Craig Roberts)อดีตบรรณาธิการของวอลล์สตรีทเจอร์นัลอดีตผู้ช่วยเลขาธิการกระทรวงการคลังภายใต้โรนัลด์ เรแกน และอดีตสมาชิกของคณะกรรมการสงครามเย็น กล่าวย้ำในเรื่องอันตรายในสถานการณ์ปัจจุบัน นักวิเคราะห์ทางทหารของสหรัฐฯกล่าวว่า  “เป็นสิ่งถูกต้องที่วอชิงตันไม่คู่ควรกับรัสเซียและจีน”

เขากล่าวว่า “กองทัพสหรัฐฯ ตกต่ำอย่างรวดเร็ว” “งบประมาณจำนวนมหาศาลนั้นเป็น ​​’ต้นทุนที่เกินกำลัง’ หรือให้ผลกำไรสำหรับอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ มากกว่า”

ปัญหาหลักของกองทัพ คือขวัญกำลังใจของทหารอเมริกัน ตามรายงานของอดีตเจ้าหน้าที่บริหารของเรแกน เขาให้เหตุผลว่ากองทัพบก กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ เพิ่มการฝึกทหารชายผิวขาว บังคับให้เข้ารับการฝึก ทางความคิดเรื่องเชื้อชาติ-ผิวสี” ในขณะเดียวกัน การเลื่อนตำแหน่งสำหรับชายผิวขาวก็ถูกระงับเพื่อส่งเสริมชาวแอฟริกันอเมริกันและสตรีให้มีบทบาท  เป็นการบ่อนทำลายความเคารพและความไว้วางใจซึ่งกันและกันในหมู่ทหารสหรัฐฯ เขากล่าว

ดร.โรเบิร์ตส์สรุปว่า นายทหารหลายคนในกองทัพสหรัฐฯ รู้สึกถูกหักหลังโดยฝ่ายบริหารของไบเดน 

ฟิลิป จิรัลดี อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการก่อการร้ายและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารของ CIA กล่าวว่า (Philip Giraldi, a former CIA counter-terrorism specialist and military intelligence officer) “สหรัฐฯ กำลังสร้างสถานการณ์วิกฤตกับคู่แข่งที่อาจนำไปสู่สงคราม แม้ว่าทั้งรัสเซียและจีนจะไม่ได้เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงในแง่ของการทหารหรือยุทธศาสตร์” “ประเทศกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ต้องการให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าครองโลกมาก่อน  การจะเป็นมหาอำนาจเดี่ยวในยุคนี้มันไม่สามารถทำได้และกำลังทำลายเศรษฐกิจของเราอยู่”

ปัญหาล่าสุด ที่รัฐบาลไบเดนขาดความสนใจแก้ปัญหาอย่างจริงจังคือ รายงานเพนตากอนเปิดเผยว่า ทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 มากกว่าจากการระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ภาพสะท้อนที่บ่งบองปัญหาหมักหมมเกี่ยวกับคุณภาพของสมาชิกในกองทัพ ที่รัฐบาลสหรัฐฯหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึง