ซัดเดือด..อย่าย้อนแย้ง! “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ฟาดนักการเมือง ก่อนแก้ ม.112 คืนเครื่องราชฯก่อนดีมั้ย?

1817

หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัวทีมโฆษกใหม่ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา และยังมีประเด็นร้อน ๆ อย่างเรื่องการดันแก้กฎหมาย มาตรา 112 และ 116 เข้าที่ประชุมสภา และเรื่องนี้ ทางด้านนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุด้วยว่า

“จำชื่อไว้นักการเมืองพรรคใดเสนอแก้ไขม.112 อย่าไปเลือกมัน” ทำให้มีกระแสในโซเชียลเห็นด้วยอย่างมาก ว่าจะไม่เลือกคนที่โจมตีสถาบัน รวมทั้งรับไม่ได้ที่นักการเมือง ร่วมมือกับกลุ่ม 3 นิ้ว ที่ออกมาเคลื่อนไหวในเวลาใกล้ ๆ กัน เพื่อเรียกร้องยกเลิก 112

ล่าสุดนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เคลื่อนไหวถึงประเด็นนี้อีกครั้ง โดยระบุว่า ส.ส. ที่จะขอแก้ ม.112 คืนเครื่องราช ที่ได้รับพระราชทาน ก่อนดีมั้ย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล มาโดยตลอด เพราะกล้าโจมตีเรื่องงบสถาบันฯ แต่ยังมีการยื่นขอเครื่องราชย์ เพราะพบหลักฐานที่เซ็นรายชื่อให้ตนเอง และบางรายก็ขอพระราชทานเครื่องราชย์ให้กับคู่สมรสด้วย ขณะที่เมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2564 ได้มีแกนนำกลุ่ม 3 นิ้ว ออกมาแฉถึงนักการเมืองแต่ละพรรค ที่ยื่นขอเครื่องราชย์ แต่ก็ต้องการแตะต้องเรื่องสถาบันฯ ว่าดูย้อนแย้งด้วย


โดยนายศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ กาณฑ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แนวร่วมคณะราษฎร 63 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า นักการเมืองใครได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคได้หมด ทุกประเทศมีเครื่องราช ยิ่งอังกฤษ นักการเมืองคนไหนมีความดีความชอบ ผลงานทำประโยชน์แก่ประชาชน ควีนเอลิซาเบธพระราชทานเครื่องราชชั้นสูง พร้อมสถาปนาบรรดาศักดิ์เป็น “อัศวิน” เลย ผู้ชายมียศนำหน้าเป็น Sir ถ้าเป็นผู้หญิงจะมียศนำหน้าด้วย Dame

แต่กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย ที่แสดงออกว่าเป็นพวก anti-monarchism ชัดเจนอย่างพรรคก้าวไกล สส.กับทีมงานที่ได้เครื่องราชคือ shame on you น่าอายและน่าสมเพช เพราะเป็นผู้ทรยศต่ออุดมการณ์ พฤติกรรมที่คุณแสดงออกกับมวลชน ปากบอกสู้กับศักดินา แถมยังมาด่าพรรคเพื่อไทยว่าสู้ไปกราบไป แต่ส.ส. พรรคส้มไปสาระแนไปขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เเบบนี้เข้าข่าย “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลแต่ชอบกินน้ำแกง” ในขณะที่คุณเรียกร้องการปลดแอกจากเผด็จการ คุณกลับไปขอเครื่องราชฯ เพื่อเป็นสายรัดคอแห่งการครอบงำ แบ่งแยกคนไม่เท่ากัน เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น

ถ้าจะมาว่าเพื่อไทยขอได้ เสรีรวมไทยขอได้ ทำไมไม่ด่า พรรคฝ่ายค้านคนอื่นเขาต้านเผด็จการก็จริง แต่เขาไม่แสดงออกถึงการต่อต้านระบอบกษัตริย์ เขายังยึดตามหลักการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เคยไปทับถมพรรคคุณสักนิด ไม่ว่าพรรคคุณไม่เคยมีมารยาททางการเมืองขนาดไหนก็ตาม

และได้ยกรายชื่อ สส. พรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เช่น
มหาวชิรมงกุฏ (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1. พลตำรวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ

ชั้นประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ชั้นสายสะพาย- ต้องเข้าวังไปรับ)

1. นายชำนาญ จันทร์เรือง
2. นายคำพอง เทพาคำ
3. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์
4. สุรวาท ทองบุญ
5. อภิชาติ ศิริสุนทร

นอกจากนี้พบชื่อของ ส.ส. คนสนิท นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวการเมืองในสังคมออนไลน์ด้วย เช่น นายวาโย อัศวรุ่งเรือง , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.ที่อภิปรายพาดพิงงบสถาบันฯ ส่วนทางฝั่งเพื่อไทย พบข้อมูลในปี 2548 ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ดิเรกคุณาภรณ์ และมีส.ส.อีกหลายคนในพรรคเพื่อไทยที่ยื่นรับขอเครื่องราชฯ

 

 

อย่างไรก็ตามประเด็นการเคลื่อนไหวจะแก้ม.112 ของพรรคเพื่อไทย และทางฝั่งก้าวไกล ที่มีการเรียกร้องเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกว่า หากจะยื่นแก้ม.112 ตามข้อเรียกร้องของม็อบ ก็ควรคืนเครื่องราชฯ ที่ตนเองได้รับมาเสียก่อน จะได้ไม่ดูย้อนแย้ง