“แรมโบ้” ฟาด “ปิยบุตร” ระวังไม่ตายดี หลังโพสต์หมิ่นเหม่ให้ร้าย ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ศาล กองทัพ

1483

สืบเนื่องจากกรณีที่องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ซึ่งมีนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาฯนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ได้โพสต์แถลงการณ์เรื่อง ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์

และในวันเดียวกัน ปรากฎว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้ออกมาเคลื่อนไหว ภายหลังประเด็นนี้เกิดขึ้น และได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ศาล กองทัพ คือ หนทางสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ชอบหรือไม่ชอบ ผ่านมาถึงวันนี้ ก็ต้องยอมรับตรงกันแล้วว่า ประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ศาล กองทัพ กลายเป็นประเด็นสาธารณะ เป็นประเด็นหลัก เป็นประเด็นหัวใจ ของสังคมไทย

นอกจากนี้นายปิยบุตร ยังทิ้งท้ายว่า การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ศาล กองทัพ จึงเป็นหนทางสร้างฉันทามติใหม่ให้แก่สังคมไทย ให้คนไทยได้อยู่ร่วมกันดังเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติอย่างสันติ การเหนี่ยวรั้งขัดขวางการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ศาล กองทัพ การดึงดันก่อรูประบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง คือ หนทางไปสู่ความขัดแย้งอันร้าวลึก ประเทศไทย คนไทย ต้องการแบบไหน?”

ล่าสุดนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ทวิตเตอร์ระบุว่าสภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหาก ที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

โดย นายเสกสกล ระบุว่า นายปิยบุตร กำลังบิดเบือน ให้ร้ายสถาบันอย่างร้ายแรง เพราะประเทศไทยปัจจุบันนี้ ได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข และพระองค์ก็ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่างชัดเจน แต่นายปิยบุตรยังคงบิดเบือน

ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นั้นได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงได้มอบอำนาจการปกครองให้กับคณะราษฎร์ ในปี 2475 แต่นายปิยบุตร ยังคงกล่าวหาสถาบันกษัตริย์ กองทัพ และศาล อย่างเลื่อนลอย เพียงเพื่อปลุกระดมทางความคิดให้ตนเองและพวกพ้องได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เท่านั้น ซึ่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นการ บัญญัติมาจาก “absolute monarchy” มีความหมายตรงตัวว่า ความเป็นกษัตริย์ซึ่งมีอาญาสิทธิ์ หรืออำนาจเด็ดขาดโดยสมบูรณ์ ซึ่งถ้าเวลานี้ประเทศไทยเป็นอย่างที่นายปิยบุตรว่าจริง นายปิยบุตร ครอบครัว และพวกพ้อง คงไม่มีชีวิต หรือแผ่นดินอยู่แล้ว เพราะการกระทำของนายปิยบุตร เลวร้าย จนประชาชนคนไทยเขาไม่ให้อภัยอีกต่อไป “คนอย่างนายปิยบุตร ไม่มีวันจะได้ดิบได้ดี มากไปกว่านี้ได้อีกต่อไป

เพราะจิตใจมีแต่ตัณหา ให้ร้าย บิดเบือน มาโดยตลอด วันนี้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เขารู้ธาตุแท้ของนายปิยบุตร หมดแล้วว่าเป็นพวกอีแอบ อยู่ใต้กระโปรงเด็ก คอยใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการ บั่นทอนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทำลายธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย เพียงเพราะอ้างประชาธิปไตย โดยที่นายปิยบุตร กลับไม่เคยเคารพสิทธิของคนอื่นแม้แต่น้อย ดังนั้น จำคำเสกสกลเอาไว้ว่า นายปิยบุตรไม่มีวันได้ตายดีอย่างแน่นอน และจะไม่ได้อยู่บนแผ่นดินไทย ในอนาคตข้างหน้า เพราะท้ายที่สุดก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไปอยู่ต่างประเทศ เหมือนหลายๆ คน ที่จ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สุดท้ายจบไม่สวยสักราย”